TH | EN
TH | EN
หน้าแรก Columnist บทพิสูจน์กลยุทธ์ ‘จับจังหวะตลาด’ ดีจริงไหม…คุ้มค่าแค่ไหน?

บทพิสูจน์กลยุทธ์ ‘จับจังหวะตลาด’ ดีจริงไหม…คุ้มค่าแค่ไหน?

คงจะเป็นเรื่องดีหากคุณรู้อนาคตจนสามารถหาจังหวะซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุด และขายหุ้นที่จุดสูงสุดได้ถูกต้องตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่พยายามทำ โดยการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น สัญญาณทางเทคนิค รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ กลยุทธ์นี้ถูกเรียกกันทั่วไปในหมู่นักลงทุนว่า ‘การจับจังหวะตลาด’ หรือ Market Timing

แต่การจับจังหวะตลาดไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ นักลงทุนที่มีฝีมือระดับโลกหลายคนยังไม่สนับสนุนให้จับจังหวะตลาด และมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้คุ้มค่ากับเวลาที่ต้องเสียไป ยิ่งกว่านั้น การจับจังหวะตลาดอาจทำให้คุณเสียโอกาสลงทุนที่สามารถพลิกชีวิตไปเลยก็ได้

ในโลกความจริง การพิสูจน์ผลลัพธ์จากการจับจังหวะตลาดทำได้ยาก ในบทความนี้ เราจึงยกตัวอย่างนักลงทุนระยะยาว 5 คนที่ใช้กลยุทธ์การลงทุน 5 แบบที่แตกต่างกันตลอด 20 ปี เพื่อหาคำตอบว่าผลตอบแทนจากการ ‘จับจังหวะตลาด’ นั้นสูงกว่ากลยุทธ์อื่น ๆ มากแค่ไหน

  • นายสมบูรณ์แบบ นักลงทุนผู้จับจังหวะตลาดได้เพอร์เฟกต์สมชื่อ นายสมบูรณ์แบบมีทักษะและโชคราวฟ้าประทาน เขาสามารถซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุดได้ทุกปี และทำได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 20 ปี
  • นายเรียบง่าย นักลงทุนผู้ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่สุดแสนจะเรียบง่าย นั่นคือการลงทุนในตลาดหุ้นในวันทำการแรกของปี ตั้งแต่ปี 2545 – 2564
  • นายสม่ำเสมอ ผู้แบ่งเงินลงทุนออกเป็น 12 ก้อนเท่า ๆ กัน และนำมาลงทุนทุกต้นเดือน กลยุทธ์ลงทุนเรียกว่า Dollar-cost Averaging (DCA) ซึ่งเขาทำแบบนี้ทุกเดือนต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี
  • นายอับโชค นักลงทุนที่ไม่มีโชคในการลงทุน ทุกครั้งที่เขาตัดสินใจลงทุน เขาจะซื้อหุ้นที่จุดสูงสุดในรอบปีอยู่เสมอ นายอับโชคต้องประสบพบเจอกับความโชคร้ายแบบนี้มานาน 20 ปีเต็ม
  • นายเฝ้ารอ นักลงทุนผู้นำเงินไปพักไว้ในตั๋วเงินคลังอยู่เสมอเพื่อรอโอกาส นายเฝ้ารอเป็นหนึ่งในนักจับจังหวะ แต่กลับทำไม่ได้อย่างนายสมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ราคาหุ้นตกลงไปแตะจุดต่ำสุด นายเฝ้ารอก็จะรอโอกาสที่ดีกว่าที่ไม่มีวันมาถึงต่อไป ทำให้เขาไม่ได้ลงทุนเลยสักครั้งตั้งแต่ปี 2545 – 2564 เงินลงทุนทั้งหมดของนายเฝ้ารอจึงถูกนำไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง

เรากำหนดให้นักลงทุนทั้ง 5 คนนี้ได้รับเงิน 10,000 บาทหรือในสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ทุกต้นปี ตั้งแต่ปี 2545 – 2564 และลงทุนหุ้นตามดัชนีอ้างอิง เพื่อจะหาคำตอบว่าสุดท้ายแล้วกลยุทธ์ลงทุนของทั้ง 5 คนนี้ สามารถทำให้เงินลงทุนเติบโตขึ้นเป็นเท่าไรในระยะเวลา 20 ปี

การทดสอบนี้จะช่วยให้แนวทางกับคุณได้ว่า คุณควรจะใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบจับจังหวะตลาดหรือไม่ หรือควรใช้กลยุทธ์ลงทุนที่เรียบง่ายแต่สามารถทำพอร์ตของคุณเติบโตขึ้นได้เช่นเดียวกัน

ผลลัพธ์ของนักลงทุนทั้ง 5

หลังจากที่นักลงทุนทั้ง 5 คน ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเดิมติดต่อกันเป็นเวลา 20 ปี คุณคงจะเดาผู้ชนะได้ไม่ยากว่าใครสามารถทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดจากการลงทุนระยะยาวครั้งนี้

แน่นอนว่าผู้ที่ทำผลตอบแทนได้มากที่สุดจากกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 5 กลยุทธ์นี้ก็คือ นายสมบูรณ์แบบ ที่สามารถจับจังหวะตลาดได้อย่างเพอร์เฟกต์ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ผลตอบแทนที่นายสมบูรณ์แบบทำได้จากการจับจังหวะอย่างแม่นยำ สูงกว่าที่นักลงทุนคนอื่นทำได้อยู่มากแค่ไหน?

เราจะพาคุณไปเริ่มดูผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนทั้ง 5 จากการลงทุนหุ้นตามดัชนีอ้างอิงของตลาดหุ้นประเทศต่างๆ (ยกเว้นพอร์ตของนายเฝ้ารอ ที่ ‘รอ’ จับจังหวะจนไม่ได้เริ่มลงทุนหุ้นสักที เงินทั้งหมดจึงถูกนำไปลงทุนในตั๋วเงินคลังของประเทศนั้น ๆ แทน)

ดัชนี SET TRI

ตลอดระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2545 – 2564 มูลค่าพอร์ตลงทุนของทั้ง 5 คน จากการลงทุนในหุ้นตามดัชนี SET TRI จะออกมาดังนี้

นักลงทุนมูลค่าเงินลงทุน (บาท)
นายสมบูรณ์แบบ746,024.93
นายเรียบง่าย666,713.12
นายสม่ำเสมอ606,118.04
นายอับโชค492,684.38
นายเฝ้ารอ236,909.61

คุณจะเห็นว่าจากการลงทุนระยะยาว 20 ปี ทำให้เงินลงทุนจาก 200,000 บาทเติบโตขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งเราอยากให้คุณโฟกัสคือ ผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนทั้ง 5 นี้ แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

อย่างที่เราได้บอกไปว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้สูงสุดจากการจับจังหวะตลาดได้อย่างเพอร์เฟกต์ แต่ในความเป็นจริง การจับจังหวะตลาดได้แม่นยำติดต่อกัน 20 ปีเหมือนกลยุทธ์ลงทุนของนายสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครจับจังหวะได้อย่างแม่นยำและถูกต้องทุกครั้ง

หากคุณสังเกตมูลค่าพอร์ตของนายเรียบง่ายและนายสม่ำเสมอ จากกลยุทธ์การลงทุนที่ทำได้ง่ายอย่างการ ลงทุนในวันทำการแรกของปี หรือ กลยุทธ์ DCA ที่ถัวเฉลี่ยลงทุนหุ้นทุกเดือน จะเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้ก็อยู่ในระดับน่าพอใจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพียงแค่รักษาวินัยการลงทุนของตัวเองให้ได้เท่านั้น

หรือต่อให้คุณลงทุนที่จุดสูงสุดของทุกปี ผลตอบแทนที่ทำได้ก็ยังดีกว่าการไม่ลงทุนเลย โดยหากเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง นายอับโชค และ นายเฝ้ารอ คุณจะเห็นว่าการรอจับจังหวะตลาดในช่วงที่ดีที่สุดที่ไม่เคยมาถึง จะทำให้คุณเสียโอกาสการทำผลตอบแทนไปอย่างมากมายมหาศาล

แต่การทดสอบกลยุทธ์การลงทุนกับดัชนีตลาดหุ้นเดียวอาจยังพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้เต็มที่ ทีมงานจึงได้ทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 5 แบบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่น นอกเหนือจากดัชนี SET TRI ด้วย

ดัชนี S&P 500 TRI

รอบนี้ ทีมงานจะพาคุณไปดูผลลัพธ์จากการลงทุนในดัชนี S&P 500 TRI ของสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลกกันบ้าง โดยนักลงทุนทั้ง 5 คนจะได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐทุกต้นปี

นักลงทุนมูลค่าเงินลงทุน (ดอลลาร์สหรัฐ)
นายสมบูรณ์แบบ960,084.44
นายเรียบง่าย822,310.16
นายสม่ำเสมอ811,476.10
นายอับโชค721,531.89
นายเฝ้ารอ218,097.85

ในโลกแห่งการลงทุน คุณอาจจะสงสัยว่า…หากสามารถจับจังหวะตลาดและซื้อหุ้นในจุดที่ต่ำสุดได้ในทุกปี คงทำให้ผลตอบแทนของคุณแตกต่างไปจากเดิมมาก ซึ่งจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ คุณสามารถดูได้จากพอร์ตลงทุนของนายสมบูรณ์แบบ

จริงอยู่ที่การจับจังหวะตลาดได้แม่นยำสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ แต่มันไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายสักเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของนักลงทุนคนอื่น แม้แต่พอร์ตลงทุนของนายอับโชคที่ลงทุนตรงจุดสูงสุดของตลาดหุ้นทุกครั้ง ก็สามารถทำผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน

ในบางครั้ง กลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่ายอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับคุณ เพราะนอกจากคุณจะทำตามได้ง่ายแล้ว ยังทำให้คุณไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวสารตลาดหุ้น ทุกวันจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น

และเพื่อพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ ‘จับจังหวะตลาด’ อาจไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น มากกว่ากลยุทธ์ลงทุนที่เรียบง่าย เราจึงได้ทดสอบเพิ่มเติมอีก 3 ดัชนีตลาดหุ้น และได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้

พอร์ตทั้ง 5 ลงทุนดัชนี CSI 300 TRI

นักลงทุนมูลค่าเงินลงทุน (หยวน)
นายสมบูรณ์แบบ699,278.91
นายเรียบง่าย600,419.61
นายสม่ำเสมอ570,517.82
นายอับโชค459,591.45
นายเฝ้ารอ251,142.97

การทดสอบโดยลงทุนหุ้นอ้างอินกับดัชนี CSI 300 TRI ของตลาดหุ้นจีน พบว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยจากการจับจังหวะตลาด ซึ่งความแตกต่างของผลตอบแทนจะคล้ายคลึงกับการลงทุนในดัชนี SET TRI

พอร์ตทั้ง 5 ลงทุนดัชนี VNI TRI

นักลงทุนมูลค่าเงินลงทุน (ดอง)
นายสมบูรณ์แบบ1,243,544.33
นายเรียบง่าย1,041,961.77
นายสม่ำเสมอ990,570.15
นายอับโชค794,927.43
นายเฝ้ารอ439,196.26

การลงทุนในดัชนี VN Index TRI ของตลาดหุ้นเวียดนามที่มีสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะผันผวนมากกว่าตลาดอื่น แต่ก็แลกมาด้วยศักยภาพการเติบโตของตลาดหุ้นที่สูงกว่าตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วเช่นกัน

การจับจังหวะของนายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้นมากในตลาดหุ้นเวียดนาม แต่การ ‘จับจังหวะ’ ตลาดหุ้นที่ผันผวนสูงและเหวี่ยงขึ้นลงเร็วก็ยากขึ้นเป็นทวีคูณเหมือนกัน ซึ่งอาจทำให้คุณเสียโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไปได้ในที่สุดเหมือนอย่างนายเฝ้ารอ

พอร์ตทั้ง 5 ลงทุนดัชนี TOPIX TRI

นักลงทุนมูลค่าเงินลงทุน (เยน)
นายสมบูรณ์แบบ494,695.21
นายเรียบง่าย423,712.38
นายสม่ำเสมอ419,881.72
นายอับโชค363,910.96
นายเฝ้ารอ208,262.28

สุดท้ายคือการลงทุนในดัชนี TOPIX TRI ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น คุณจะเห็นว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการจับจังหวะตลาด แต่กลยุทธ์ลงทุนอื่นๆ ก็สามารถทำผลตอบแทนได้ดีเช่นกัน และยังทำจริงได้ง่ายจนแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อนก็ยังสามารถทำตามได้

ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากตัวเลขการเติบโตของทั้ง 5 พอร์ตในทุกดัชนี พอร์ตของนายเฝ้ารอ ที่รอจับจังหวะตลาด จนไม่ได้ลงทุนสักทีและแช่เงินไว้ที่ตั๋วเงินคลังเฉยๆ ทำผลตอบแทนได้น้อยที่สุดจากการลงทุน

นั่นเป็นเหตุผลที่บอกได้ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ควรเฝ้ารอ เพราะในระยะยาว การลงทุนในตลาดหุ้นจะทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนที่จุดสูงสุดของตลาดหุ้นในทุกปี ก็ยังทำให้เงินของคุณเติบโตได้มากกว่าการไม่ลงทุนเลย

คำแนะนำจากเซียนหุ้น เหตุผลที่คุณไม่ควร ‘จับจังหวะตลาด’

ผลลัพธ์จากการทดสอบทั้งหมดทำให้คุณเห็นว่า นายสมบูรณ์แบบสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงที่สุด แต่มันเกิดขึ้นจากการจับจังหวะตลาดได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหากคุณไม่ได้เป็นนักลงทุนมืออาชีพที่มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือพร้อมสรรพ

นักลงทุนหลายคนรอจับจังหวะเพื่อหาโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุด แต่เมื่อโอกาสมาถึงกลับคิดว่าจะมีโอกาสที่ดียิ่งกว่ามาให้ลงทุนอีก จนสุดท้ายอาจจะไม่ได้เริ่มลงทุนสักทีเหมือนนายเฝ้ารอ จนเสียโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไปอย่างน่าเสียดาย

แม้แต่ผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch ที่สามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 29.2% ติดต่อกัน 13 ปี ยังไม่แนะนำให้จับจังหวะตลาด โดย Lynch เคยพูดถึงการจับจังหวะตลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่เอาไว้ว่า

“Far more money has been lost by investors in preparing for corrections, or anticipating corrections, than has been lost in the corrections themselves.”

“นักลงทุนสูญเสียเงินจากการเตรียมตัวรอให้ตลาดปรับฐาน หรือพยายามคาดการณ์การปรับฐาน มากกว่าเงินที่เสียไปจากช่วงตลาดปรับฐานจริง ๆ เสียอีก”

หมายความว่า ยิ่งคุณเฝ้ารอหรือพยายามมองหาจังหวะการลงทุนตามที่คิด คุณก็ยิ่งเสียโอกาสการลงทุนไปเรื่อย ๆ จนสุดท้าย เงินลงทุนที่มีโอกาสเติบโตของคุณกลับถูกทิ้งแช่เอาไว้จนไม่ได้ลงทุนไปซะอย่างนั้น

กลับกันหากคุณมีวินัยและลองมองหากลยุทธ์ลงทุนที่ทำตามได้ง่าย เหมือนอย่าง นายเรียบง่ายที่ลงทุนทันทีในวันซื้อขายแรกของปี หรือ นายสม่ำเสมอที่แบ่งเงินและลงทุนแบบ DCA ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างน่าประทับใจเช่นกันในระยะยาว

ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่ากลยุทธ์การ ‘จับจังหวะตลาด’ ช่วยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน หลังจากอ่านบทความนี้จบคุณอาจมีกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับชีวิตของคุณและนำมาใช้จริงได้

หากคุณมีเป้าหมายว่าจะลงทุนระยะยาว เพียงแค่คุณลงทุนตามหลักการที่ถูกต้องและมีวินัยการลงทุนที่ดี คุณก็จะได้ผลลัพธ์จากการลงทุนที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

ผู้เขียน: ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

บทเรียนการขาดทุนฝังใจ จาก Issac Newton อัจฉริยะติดดอย

‘เจ้ามือ’ ในตลาดหุ้นที่แท้ทรูของชาว VI

ส่องหุ้น Soft Power ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น หุ้นดี ใกล้ตัวคุณ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
0ผู้ติดตามติดตาม

Lastest News

AGS ร่วมกับ DIPT ติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon

อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เสริมศักยภาพภาคธุรกิจให้ได้รับประโยชน์จากขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ

สปสช. จับมือกรุงเทพมหานคร ใช้เทคโนโลยีจัดสรรสถานพยาบาลให้ผู้มีสิทธิบัตร

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล จัดสรรสถานพยาบาลประจำแก่ผู้มีสิทธิบัตรทองที่ยังไม่มีสถานพยาบาลประจำ 1.9 แสนคน

มาม่า โอเค เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ใช้ CHAT GPT ช่วยคิดไอเดียโฆษณา หวังเจาะกลุ่ม Gen Z

บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดตัวมาม่า โอเค 2 รสชาติใหม่ รสหม่าล่าเนื้อ และ เห็ดทรัฟเฟิล นำ CHAT GPT ต่อยอดไอเดียจัดทำเป็นภาพยนตร์โฆษณา

โตชิบ้า ยืนยัน ข่าวขายกิจการในต่างประเทศ ไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจในไทย

บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ ส่งจดหมายชี้แจง กรณีที่มีข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก เกี่ยวกับ “บริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชัน จำกัด ปิดดีล ขายกิจการมูลค่า 2 ล้านล้านเยน

SCB 10X เปิดเวที Hackathon เฟ้นหาทีมนักพัฒนา ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยบล็อกเชน

เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) เปิดเวที “BANGKOK BLOCKATHON 2023” ภายใต้แนวคิด “Blockchain for the Next Billion Users”

GRAMMY x RS ตั้งบริษัทร่วมทุน เตรียมจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่ ก.ค.- ต.ค. นี้ เมืองทองธานี

GMM MUSIC และ RS MUSIC ประกาศจัดตั้ง กิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (Across The Universe Joint Venture) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมจัดซีรีส์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์

AWS เชื่อมั่นตลาดคลาวด์พุ่งไม่หยุด เล็งเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดส่ง ‘Lift’ ลุย SMB

อัตราการเติบโตของคลาวด์ในประเทศไทย ปี 2023 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 30% AWS เชื่อมั่นแผนรับมือที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง ทั้งเพิ่มคู่ค้า จัดทีมดูแลลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

Blendata เปิดบริการ Analytics as a Service ในรูปแบบ Pay Per Use

เบลนเดต้า (Blendata) เปิดตัวบริการใหม่ Analytics as a Service บริการวิเคราะห์ข้อมูลครบวงจร รองรับทุกความต้องการด้าน Data Analytics ในรูปแบบการคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึก WeChat Pay จัดแคมเปญใหญ่ ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผนึก WeChat Pay ผู้ให้บริการ E-Wallet รายใหญ่จากประเทศจีน มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก รวดเร็ว

ดีป้า จับมือพันธมิตร เปิดตัว Tech Thailand แพลตฟอร์มชุมชนคนสายเทค

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ร่วมกับ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด และ บริษัท มิสเตอร์ฟ็อกซ์ จำกัด ร่วมเปิดตัว Tech Thailand

MUST READ

ตรวจแถวการเมือง … วัดกึ๋นทีมเศรษฐกิจ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องจะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทุกพรรคการเมืองพยายามแข่งกันนำเสนอนโยบายประชานิยม ลด แลก แจกแถม

กทม. จับมือพันธมิตร ร่วมกันแก้ปัญหา เยาวชนว่างงาน-นอกการศึกษา หรือ NEET อย่างยั่งยืน

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กระทรวงแรงงาน และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานนำเสนอผลการศึกษา "งานวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในการทำงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม (Youth Not in Employment, Education, or Training: NEET) ในประเทศไทย" เพือร่วมกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

IKEA ร่วมกับ Marimekko เปิดตัวคอลเล็กชันพิเศษ ‘บาสตูอา’ ต้อนรับซัมเมอร์ พร้อมวางจำหน่าย 24 มี.ค. นี้

อิเกีย ประเทศไทย ต้อนรับซัมเมอร์พร้อม ผ่านคอลเล็กชั่นพิเศษล่าสุด BASTUA/บาสตูอา ที่ 2 แบรนด์ระดับโลกอย่างอิเกียและมารีเมกโกะ (Marimekko) แบรนด์ไลฟ์สไตล์จากฟินแลนด์ร่วมมือกันออกแบบ

อะโดบี เปิดตัว Firefly สร้างงานครีเอทีฟแบบมือโปรได้ง่าย ๆ ด้วย Generative AI

อะโดบี เปิดตัว Firefly ซึ่งเป็นโมเดล Generative AI สำหรับงานครีเอทีฟ มุ่งเน้นที่การสร้างภาพและเอฟเฟ็กต์ข้อความ Firefly จะช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ

ทาเคดาและคาโอ ร่วมกับกทม. เปิดตัว โครงการ “โรงเรียนติด Guard ห่างไกลไข้เลือดออก”

ทาเคดาและคาโอ ร่วมกับกทม. จัดโครงการ “Dengue-zero School Project โรงเรียนติด Guard ห่างไกลไข้เลือดออก”
Newsletter

สนใจรับข่าวสารจาก The Story Thailand อัพเดตก่อนใคร สมัคร Newsletter กับเราเพียงกรอกอีเมลเท่านั้น