ภาพรวมการลงทุนในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยสดใส โดยมีเพียงเดือนก.ค. เพียงเดือนเดียวที่ตลาดหุ้นสามารถทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ ส่วนเดือนส.ค. และเดือนก.ย. ตลาดหุ้นต่างให้ผลตอบแทนที่ติดลบ ซึ่งมีปัจจัยกดดันหลักมาจากการที่เฟดส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดไว้ Higher for Longer นอกจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสามารถขยายตัวได้ดีกว่าคาด ส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งต่างทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเข้าสู่สภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) รวมถึงตลาดอยู่ในโหมด Data Dependent ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับมา แต่การตีความเป็นลักษณะ Bad News is Good News ก่อให้เกิดความผันผวน และตลาดยังคงเปราะบาง
อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในรอบนี้ ทำให้ความตึงตัวของราคาลดลง และหลายตลาดหุ้นเข้าสู่โซน Oversold ในเชิงเทคนิคอล รวมถึงภาพรวม Sentiment สะท้อนถึงตลาดอยู่ในโซนด้านล่าง ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้
ส่วนมุมมองและแนวโน้มการลงทุน ไตรมาส 4 ปี 2566 นั้น เรามีมุมมองการลงทุนต่อตลาดหุ้น ต่าง ๆ ดังนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เราให้มุมมองเป็นกลาง จากคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานของเฟด ในปี 2566 ที่ 3.7% นั้นยังสูงเกินไป เนื่องจากอัตราเฉลี่ยของ PCE พื้นฐานต่อเดือนจะต้องอยู่ที่ 0.33% MoM ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดือนมิ.ย. และก.ค. ที่ระดับ 0.2% MoM มาก เราคาดว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาส 1/67 (เร็วกว่าที่ตลาดคาด) กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน TMBUS500 เป็นกองทุนประเภท Passive Fund ผ่านกองทุน iShares Core S&P 500 ETF กระจายการลงทุนตามดัชนี S&P500
ตลาดหุ้นจีน เราให้มุมมองเป็นกลาง จากการเติบโตของ GDP ของจีนคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/66 มาอยู่ที่ 4.1%YoY (จาก 3.8% YoY ในไตรมาส 3/66) นอกจากนี้ การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการปล่อยกู้บ้านในเมืองระดับ 1 และการผ่อนคลายข้อจำกัดในการซื้อบ้านในเมืองระดับ 2 มากขึ้น จะช่วยหนุนยอดขายบ้านในเมืองระดับบน กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน UOBSGC ลงทุนในหุ้นจีนแบบ Greater China เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ คุณภาพดีเป็นลักษณะหุ้น Value ที่มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ โดยกองทุนสามารถทำผลการดำเนินงานได้อย่างโดดเด่น
ตลาดหุ้นไทย เราให้มุมมองเป็นกลาง จากการที่ตลาดสะท้อนปัจจัยลบหลายประการไปมากแล้ว ทำให้อัพไซด์ของตลาดในช่วงที่เหลือของปีอาจได้รับแรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกว่านโยบายของรัฐบาลใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ขณะที่ตัวเลขการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกมีทิศทางผ่อนคลาย กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน LHGROWTH-A รับโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยที่มีศักยภาพในการเติบโต มีมูลค่า (Valuation) ที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป เน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Balance Portfolio
สินทรัพย์ทางเลือก เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำ โดยเราคาดว่าทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่พักตัวตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ท่าทีของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. ค่อนข้าง Hawkish แต่ราคาทองคำยังยืนได้ แม้ว่าบอนด์ยีลด์จะพุ่งขึ้นแรงก็ตาม กองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน SCBGOLDH ลงทุนและมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ผ่านกองทุนรวม ETF : SPDR Gold Trust ที่มีการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง
ทั้งนี้ ทุกท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รายงาน มุมมองการลงทุนจัดพอร์ตกองทุนรวม ไตรมาส 4 ปี 2566 หรือลงทุนกองทุนรวมแนะนำ กับหลักทรัพย์บัวหลวงได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming Fund+ โดยสามารถซื้อขายได้ทั้งกองทุนรวมทั่วไปและกองทุนลดหย่อนภาษี ครบจบ ที่เดียว 17 บลจ. ชั้นนำ รวมกว่า 2,000 กองทุน สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://wconnex.bualuang.co.th/s/article/Omnibus หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111
อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน
“FIXED COUPON NOTE” ทางเลือกลงทุนยุคเงินเฟ้อสูง-ตลาดผันผวน