หาเป็น สู้ใช้เป็นไม่ได้!!

หนึ่งวัน  แสนสั้น สั้นจน “กอดยามเช้า” ไม่ทันไร “ยามเย็น” ก็มาอยู่ ในมือ แล้ว

หนึ่งเดือน แสนสั้น สั้นจน “ยินดีกับเงินเดือน” ไม่ทันไร “รายจ่าย” ก็มากระชากไปหมด

ข้อความสั้น ๆ จากในไลน์ของเพื่อนที่ส่งมาให้เมื่อนานมานี้ ทำให้ฉุกคิดว่าเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี และอีกไม่นาน เราจะเข้าสู่ปีศักราชใหม่แล้ว

ไม่ว่าเราจะพอใจหรือไม่ หรือเราจะยอมรับหรือไม่

แล้วมันก็จะผ่านไป ทิ้งไว้ให้สุขกับทุกข์ 

จะปล่อยวางหรือเก็บไว้ ก็อยู่ที่แต่ละผู้คน

ในแต่ละปี สิ่งที่ต้องนำกับมาขบคิดทุกปี ก็คือ พอใจกับเวลาที่ผ่านมาได้แค่ไหน และจะทำอะไรเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นไปตามที่คาดหมายไว้

สำหรับชีวิตผู้คนในเมือง เรื่องการหาเงิน เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการมีชีวิตในเมืองใหญ่ ในขณะที่การใช้เงินกลับเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าคุณจะขยับท่วงท่าอย่างไร กระเป๋าเงินก็พร้อมเปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือซับซ้อนเพียงไร

พูดถึงเรื่องการหาเงิน ผู้คนสมัยใหม่โชคดีที่มีเครื่องมือในการหารายได้ที่มากกว่าหนึ่ง แบบแรก อยากเรียกว่าเป็นแนวคิดพื้นฐาน โดยเป็นแบบดั้งเดิมที่เราเรียนสาขาใดสาขาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์หรือศิลปะศาสตร์ จากนั้นก็เดินเข้าหาตลาดอาชีพตามสาขาที่ร่ำเรียนมา ทำงานสร้างรายได้ค่อยไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งก็เกษียณอายุ แล้วดำรงชีวิตด้วยเงินที่สะสมมา ถ้ามีเยอะก็ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีทุกข์  

อีกแบบหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่เป็นนามธรรม อาศัยสื่อสมัยใหม่ที่เรียกว่า social media สร้างสิ่งที่ผู้คนสมัยใหม่เรียกว่า content เพื่อเป็นแหล่งหารายได้ ทั้งจากความนิยมในการติดตามเนื้อหานั้น ๆ หรือเป็นช่องทางในการขายสินค้า/บริการ โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ผลลัพธ์คือสามารถสร้างรายได้ได้มหาศาล โดยใช้เวลาที่น้อยลง เป็นอิสระไม่ต้องอยู่ในระบบ

ทำให้นึกเปรียบเทียบกับการทำเกษตร การหารายได้จากแนวคิดพื้นฐาน เหมือนกับการปลูกต้นไม้ยืนต้น ต้องใช้เวลา กว่าต้นไม้จะสูงใหญ่จนสามารถออกดอกออกผลได้ ใช้เวลา แต่สามารถเก็บดอกผลได้ยาวนานต่อเนื่อง ในขณะที่แนวคิดแบบใหม่ ๆ ก็เหมือนกับปลูกพืชแบบล้มลุก ได้ผลผลิตเร็ว แต่อายุสั้น ต้องปลูกใหม่อยู่เรื่อย ๆ

ความนิยม ทำให้มีด้านมืดของระบบ มีการใช้เครื่องมือดังกล่าวในการสร้างเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวง ไปใหญ่ไปโตจนสร้างความเสียหาย นับสิบนับร้อยไปจนถึงพันล้าน 

ในเรื่องการหาเงินสำหรับผู้คนวันนี้ อาจจะดูไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นกันมากมาย แต่เรื่องการใช้เงินต่างหากที่ไม่ค่อยมีคนพูดไม่ค่อยมีการขยายความ

ในความคิดของคนที่มีอายุมามากพอสมควร คิดว่าการใช้เงิน เป็นปัญหาและสร้างภาระให้ผู้คนมากขึ้น หากใช้เงินไม่เป็น ใช้เงินแบบไม่มีเป้าหมาย สาเหตุของการเป็นหนี้เป็นสินกันอย่างมากมาย จนสามารถพูดได้ว่าเรามีจำนวนคนเป็นหนี้เกือบเท่ากับจำนวนประชากรของประเทศแล้ว สาเหตุใหญ่ ๆ ที่สร้างให้เราเป็นหนี้ แม้ว่าจะรายได้ได้มากได้เร็วนั้น มาจาก

1. ไม่ได้กำหนดไว้ก่อนว่าจะเป็นหนี้เพื่ออะไร และจะใช้คืนอย่างไร
2. ปล่อยให้ความอยากอยู่เหนือเหตุผล ปล่อยให้ทุกเรื่องเป็นความจำเป็นไปหมด
3. ไม่ได้วางแผนการเงินไว้เลย

หลักใหญ่ ๆ ของเงินรายได้ ไม่ว่าจะมาจากแบบดั้งเดิมหรือแบบวิธีการใหม่ เราต้องแบ่งรายได้ให้ได้อย่างน้อย 3 ส่วน ส่วนแรก คือเงินเพื่อการจับจ่ายใช้สอยในปัจจุบัน ส่วนที่ได้แก่ เงินรายได้สำหรับการใช้ในอนาคต และส่วนที่สามคือเงินรายได้เผื่อเรื่องฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด

การแบ่งเงินรายได้ที่หามาได้ในสัดส่วนเท่าไร จึงเป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคน ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับนิสัยใจคอของแต่ละคน บางคนที่กลัวภัยในอนาคตอาจจะเก็บเงินในอนาคตมากกว่าของการใช้สอยในปัจจุบัน คือใช้สอยประหยัดหน่อย ในขณะที่บางคนมองว่าการใช้สอยปัจจุบันสำคัญ เพราะหากวันนี้ไม่ดี วันพรุ่งนี้จะดีได้อย่างไร ก็สุดแล้วแต่

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลักการแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน และมีวินัยที่จะไม่ล้ำเส้น จะเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต 

แล้วค่อยคิดวิธีการสร้างรายได้ที่เรียกว่า passive income จากเงินที่เตรียมไว้ในอนาคต ไม่ต้องรีบ ศึกษาให้ละเอียด โจรมันเยอะ สถานการณ์พลิกผันตลอด ดูให้ละเอียด คิดให้รอบคอบ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

“อาการหน้ามืด”

ไม่หยุดหนี้ ไม่สร้างชีวิตใหม่

ผมทำเวลาหล่นหาย … เมื่อคุณควบคุมไม่ได้ คุณก็ต้อง “ตั้งรับ” ให้ได้

ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ก็เป็นได้แค่ “ความฝัน”