TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist"อาการหน้ามืด"

“อาการหน้ามืด”

“อาการหน้ามืด”อาจจะดูเป็นภาษาเก่า ๆ อยู่สักหน่อย แต่เชื่อว่าสามารถอธิบายความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ในเวลานี้ได้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็ดูออกว่ากำลัง “หน้ามืด”

อย่าว่าแต่เราท่านกันเลย แม้แต่รัฐบาลเองก็อยู่ในภาวะ “หน้ามืด” เหมือนกัน รัฐบาลใหม่หาเงินควัก เพื่อจะใช้เงิน เพราะมีโปรเจกต์เยอะเหลือเกิน ในขณะที่ภาคประชาชนก็มีหนี้สินไปทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าอาชีพไหนก็ตกอยู่ในภาวะหนี้ล้น จนรัฐบาลบอกว่าทางแก้ให้กับประชาชนคือการพักหนี้ ให้กับกลุ่มที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ในขณะที่สถาบันป๋วยฯ ออกมาแย้งว่า เราพักหนี้มาหลายครั้ง แต่ปรากฏว่า “ยิ่งพักยิ่งไม่จ่าย”

จากข้อมูลลูกหนี้เกษตรกรกว่า 4 ล้านรายในเครดิตบูโร พบว่า 49.7% เป็นกลุ่มหนี้เรื้อรัง และมีแนวโน้มว่าไม่สามารถปิดจบเรื่องหนี้ได้ก่อนอายุ 70 ปี!!

ปัญหาหนี้จึงไม่เคยคลี่คลายไปจากสังคมไทย หากเราไม่มีวินัย ข้อสำคัญ “ขาดแรงกระตุ้นที่จะใช้หนี้” เรายังขาดเป้าหมายไหม?

@ยุคสมัยเปลี่ยนไป

คนในยุคหนึ่ง การสะสมเงินต้องใช้เวลา ใช้วินัยและความอดทน แต่ในอีกยุคหนึ่ง ยึดเวลาเหมือนกัน แต่ต้องการ “รวยให้เร็ว” หลายคนเลือกใช้วิธีแบบรวยเร็ว “หวยหรือล็อตเตอรี่” (ความฝันของคนในทุกระดับ) ไงครับ

บางคนบอก คำว่าหวย ย่อมาจาก ห.หมายถึงหายนะ ว.หมายถึงวอดวายและ ย.หมายถึงย่อยยับ แต่บางคนบอกว่าคำว่าหวย ตัว ห.ให้คุณต้องเล่นพอหอมปากหอมคอ ขณะที่ ว.คุณต้องวิ่นบนวิ่งล่างอย่างพอประมาณ และ ย.หมายถึงคุณต้องวิ่งอย่างมีสติ อย่าเยอะ

ใครเหมาะกับแบบไหน ก็ต้องละเอียดกัน มากไปก็วอดวาย แต่ถ้าพอเหมาะพอสมก็ถือเป็นการเปิดประตูดวงเอาไว้ เรื่องของการรวยให้เร็ว จึงมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่า ยังมีทางอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นการถูกชักจูงให้เล่นพนันออนไลน์ หรือการหลอกให้ลงทุนที่บอกว่าจะได้ผลตอบแทนสูงมาก ๆ แล้วก็ถูกหลอก สูญเงินไป

อาการ “หน้ามืด” เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกระดับ ไม่ว่าจะมีหนี้หรือไม่มีหนี้ แต่การมีหนี้สินอาจทำให้อาการหน้ามืดได้มากกว่าคนอื่น ๆ

ปัญหาการมีหนี้เป็นปัญหาเฉพาะบุคคล เฉพาะกลุ่มจริง ๆ การแก้ปัญหาหนี้จะไม่เกิดขึ้นได้เลย หากขาดความตั้งใจของคนเป็นหนี้ ทำให้นึกถึงคำพูดของ “หลู่ซิน” นักคิดนักเขียนชาวจีนท่านหนึ่งเคยกล่าวเป็นอมตะวาจาว่า “ทางออกจากที่ที่ไม่มีทาง”

นั่นหมายถึง เมื่อมีอุปสรรคหรือปัญหา จะมีโอกาสเสมอ (ก็เราไม่เคยตัดทางหรือถนนในที่มีอยู่แล้วนี่)

อาการหน้ามืด นอกจากเป็นลักษณะเฉพาะคน ซึ่งพอจะหาสาเหตุได้สัก 2 ประการ สาเหตุแรกมาจากภาวะหนี้สินรุมเร้าจนขาดสติ กับอีกสาเหตุมาจากหน้าตา กลัวเสียหน้าหากมีไม่เท่าคนอื่น อยากอวดอยากมีเหมือนคนอื่น ซึ่งบางทีก็กลายเป็นอุปทานหมู่ได้เหมือนกัน ประการหลังแก้ยากสุด ๆ

หลักการสำคัญ หากมีหนี้สินมากกว่ารายได้ที่มีอยู่ ไม่มีทางจะแก้ปัญหาหนี้สินได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือครัวเรือน หากเราเป็นหนี้เพื่อการลงทุน เรายังเห็นช่องทางที่จะลดหนี้ได้ แต่หากเป็นหนี้ที่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราล่ะ!!

การรักษาสมดุลระหว่างรายรับกับรายจ่ายจึงเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญ หากต้องการวางแผนการเงินให้กับตัวเอง การแบ่งรายได้ในแต่งวดที่ได้รับ (อันไหนไว้ใช้จ่ายแต่ละวัน อันไหนเป็นเงินเก็บ)

หากได้รับการฝึกฝนตั้งแต่วัยเด็กให้เป็นนิสัย จะทำให้เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องฝืนและมีวินัยในการใช้จ่าย เมื่อโตขึ้นไม่ว่าจะประกอบอาชีพไหน ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหน หากแบ่งเงินที่ได้มาเป็นส่วน ๆ จะช่วยให้การดำเนินชีวิตราบรื่นไร้อุปสรรค

เชื่อเถอะครับ ผมมีบทเรียนมาแล้ว

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ไม่หยุดหนี้ ไม่สร้างชีวิตใหม่

ผมทำเวลาหล่นหาย … เมื่อคุณควบคุมไม่ได้ คุณก็ต้อง “ตั้งรับ” ให้ได้

ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ก็เป็นได้แค่ “ความฝัน”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ