TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessดีแทค ชู “เน็ตไฮสปีดสำหรับทุกคน”​ เดินหน้าลงทุนด้านโครงข่ายครึ่งปีหลัง ในพื้นที่ใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศ

ดีแทค ชู “เน็ตไฮสปีดสำหรับทุกคน”​ เดินหน้าลงทุนด้านโครงข่ายครึ่งปีหลัง ในพื้นที่ใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศ

ดีแทค ประกาศเดินหน้าลงทุนด้านโครงข่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายทั่วประเทศรองรับพฤติกรรมใหม่และการอพยพเคลื่อนย้ายของผู้บริโภค และการทำงานในรูปแบบวิถีใหม่ ด้วยการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือคลื่น 2300 MHz บนคลื่นทีโอที ขยาย Massive MIMO ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศ และ 5G คลื่น 26 GHZ ในรูปแบบทดสอบการใช้งาน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม และติดตั้งคลื่น 700 MHz เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของสัญญาณในภูมิภาคสำคัญ

Apple Central World แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางราชประสงค์
ดีแทค “ใจดีช่วยค่ายา” ช่วยคนไทยเข้าถึงร้านขายยาที่มีเภสัชกร

ชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคเล็งเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง 4 ด้าน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 คือ อำนาจการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง การใช้งานช่องทางดิจิทัลที่มากขึ้น คลื่นแรงงานที่หลั่งไหลกลับภูมิลำเนา และการใช้งานดาต้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้บริโภคไทย ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานดาต้าเฉลี่ยในแต่ละเดือนเติบโตขึ้นกว่า 44% จากเดือนมกราคมถึงมิถุนายน

เมื่อ ‘ผู้ใช้งานเปลี่ยน เน็ตเวิร์กเปลี่ยน’ ปริมาณการใช้งานดาต้าในพื้นที่ภูมิภาคนั้นเติบโตสูงกว่ากรุงเทพฯ ดีแทคจึงเร่งเดินหน้ายกประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณให้ดีขึ้น 3 เท่าในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น

Work from home ส่งผลให้ความนิยมในแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานที่บ้านอย่าง Zoom และ MS Teams และบริการที่จำเป็นจำพวกระบบการเรียนออนไลน์ การใช้บริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เติบโตอย่างมาก การใช้แอปฯ เหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานดาต้าบนเครือข่ายของดีแทคเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า GDP จะลดตัวลง ติดลบ 8% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างขาติในปี 2563 ลดลง 80% จากปี 2562 และจากรายงานของธนาคารโลก ประชากรไทยจำนวนกว่า 8.3 ล้านคนนั้นเสี่ยงต่อการตกงาน หรือสูญเสียรายได้ ส่งผลให้คนจำนวนมากเลือกเดินทางกลับไปใช้ชีวิตในภูมิลำเนา มากกว่าการเผชิญชีวิตในกรุงเทพฯ ในฐานะคนว่างงานทำให้ปริมาณการใช้งานดาต้าในพื้นที่ภูมิภาคนั้นเติบโตสูงกว่ากรุงเทพฯ 5 เท่า และยังคงอยู่ในระดับที่สูงแม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว

“ในวันที่ผู้บริโภคต้องอาศัย “การเชื่อมต่อและบริการดิจิทัล” เป็นเครื่องมือหลักในการดำรงชีวิต ดีแทคเร่งเดินหน้าติดตั้งเทคโนโลยี Massive MIMO และระบบ 4G-TDD เพื่อรองรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น”

โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสถานีฐานบนเครือข่าย 4G-TDD เป็นจำนวนมากกว่า 20,000 สถานีฐาน ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นการขยายบริการคลื่น 2300 MHz บนคลื่นทีโอที เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

“โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสารของลูกค้าดีแทคกว่า 76 เปอร์เซ็นต์ นั้นรองรับระบบ 4G-TDD ตอกย้ำสถานะของดีแทคในฐานะผู้นำในการให้บริการบนระบบ 4G-TDD ซึ่งเป็นระบบที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่รองรับการใช้งาน”

นอกจากนี้ ดีแทคยังเร่งขยาย Massive MIMO ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีกว่าเดิม 3 เท่า และยกระดับประสบการณ์ใช้งานทั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือและเน็ตบ้านแบบใหม่ (dtac@home)

ทั้งยังเดินหน้าติดตั้งสถานีฐาน 5G คลื่น 26 GHz ในพื้นที่ที่กำหนดเปิดให้บริการ ในรูปแบบทดสอบการใช้งาน (use case) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้บริการในไตรมาส 3 อาทิ กล้องตรวจการณ์อัจฉริยะ และ Fixed Wireless Access (FWA) หรือบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงประจำที่ 

พร้อมทั้ง ติดตั้งคลื่น 700 MHz เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของสัญญาณในภูมิภาคสำคัญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสำนักงาน กสทช. ที่จะอนุญาตให้ใช้งานคลื่นความถี่ 700 MHz

“เป้าหมายสำคัญของดีแทค คือ การเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายสำหรับลูกค้าทุกคน รวมทั้งมอบข้อเสนอและบริการที่จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของลูกค้าด้วย”

สร้างระบบนิเวศดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ

ดีแทค เน้นให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การใช้งานดิจิทัลผ่านการเชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์ โดยเน้นที่การให้บริการใหม่และการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้ลูกค้าในราคาที่จับต้องได้ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม นำเสนอบริการบนดีแทคแอปฯ ที่เป็นประโยชน์และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อาทิ ประกันสุขภาพ และคูปองส่วนลดสำหรับร้านขายยา บริการเสริมต่าง ๆ ที่มาในรูปแบบเกมและกิจกรรมสนุกๆ ไปจนถึงทางเลือกการจับจ่ายใช้สอยที่หลากหลายและบริการเดลิเวอรี่ และให้ใช้ดาต้าฟรีที่หลากหลาย ในช่วงที่มีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น มีแพ็กเกจราคาเบา ๆ ในรูปแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ตามการใช้งานและงบประมาณ

“การแลกสิทธิพิเศษดีแทค รีวอร์ดในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการช้อปปิ้งออนไลน์และบริการสั่งอาหารออนไลน์นั้นเพิ่มสูงขึ้นกว่า 5 เท่าในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เนื่องจากการปิดตัวของร้านค้าต่าง ๆ นั้นผลักดันให้ผู้บริโภคหันไปใช้งานช่องทางออนไลน์มากขึ้น”

ทำงานในรูปแบบวิถีใหม่

นอกจากนี้ ซีอีโอของดีแทค กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ดีแทคความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป

เดินหน้าปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานภายในองค์กรให้สอดรับกับยุคสมัย โดยใช้หลักการทำงานแบบ ‘ชัดเจน-ยืดหยุ่น-ชัดเจน (tight-loose-tight)’ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน การนำระบบ automation หรือ ‘ระบบควบคุมอัตโนมัติ’ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และช่วยย่นระยะเวลาให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

หลักการนี้จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพองค์กรในการแข่งขันในตลาดได้อย่างสำคัญ ลดภาระงานของมนุษย์ และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่

ปัจจุบัน ออฟฟิศทุกแห่งของดีแทคนั้นอนุญาตให้พนักงานกว่า 95% ทำงานแบบยืดหยุ่น โดยพนักงานจะสลับกันเข้าออฟฟิศในแต่ละสัปดาห์หรือในวันที่จำเป็นเท่านั้น

“ดีแทคนั้นใช้รูปแบบการทำงานแบบ ‘ชัดเจน-ยืดหยุ่น-ชัดเจน (tight-loose-tight)’ คือเราชัดเจนในเรื่องความคาดหวัง ยืดหยุ่นในวิธีการที่พนักงานใช้ในการบรรลุเป้าหมาย และชัดเจนในเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบ เราเชื่อว่าพนักงานนั้นมองหารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เนื่องจากการทำงานในลักษณะนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกมีอิสระในการตัดสินใจ อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลและความพึงพอใจของพนักงาน” นายชารัดกล่าว

ดีแทคยังมีแผนจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการนำระบบออโตชันมาใช้ในส่วนงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบปฏิบัติการโครงข่าย และในฟังก์ชันธุรกิจต่าง ๆ

ทั้งนี้ พนักงานได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน ‘BOTATHON’ ซึ่งทีมที่ชนะจะมีโอกาสสร้าง ‘หุ่นยนต์ผู้ช่วย’ ของตนเอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อย่นระยะเวลาการทำงาน ป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และช่วยย่นระยะเวลาให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“การให้บริการเชื่อมต่อในราคาที่จับต้องได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายนั้น เราต้องยึดประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายมีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม และการปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพ และการส่งมอบบริการที่ตรงความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้นนั้น จะเป็นเป้าหมายสำคัญที่ดีแทคมุ่งเน้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563” ชารัด กล่าว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

-ซิลิคอนวัลเลย์ สู่ แดนภารตะ
-ออริจิ้น มั่นใจสมาร์ทคอนโดยังโตได้ เตรียมเปิดขายโครงการแบบไม่มีสำนักงานขาย
-ENRES คว้าสุดยอดดิจิทัลสตาร์ตอัพไทย ชูโซลูชั่นพลังงานต่อยอดเมืองอัจฉริยะ
-บล.บัวหลวง มองหุ้นไทยครึ่งหลังแกว่งตัว แนะลงทุน “หุ้นเติบโต” ผสม “หุ้นปันผล”

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ