TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistเมื่อขาใหญ่ Binance จับมือ GULF บุกตลาดคริปโทฯ ในไทย

เมื่อขาใหญ่ Binance จับมือ GULF บุกตลาดคริปโทฯ ในไทย

ข่าวการประกาศความร่วมมือระหว่าง GULF กับ Binance บริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างแรงกระเพื่อมอีกครั้งสำหรับวงการการเงินดิจิทัลของไทย หลังจากก่อนหน้านี้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ เข้าลงทุนใน Bitkub Online ผู้ให้บริการด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ทั้งสองดีลเป็นความเคลื่อนสำคัญที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่านับจากนี้ตลาดการเงินดิจิทัลจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

วันที่ 17 มราคม พ.ศ. 2565 บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด บริษัทย่อยซึ่ง GULF ถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance ในการร่วมลงทุนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Asset Exchange และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ด้วยเหตุผลสำคัญว่าในอนาคตอันใกล้สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ จะมีความสำคัญต่อระบบการเงินของประเทศ และจะมีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของคนไทย

โดยความร่วมมือกับ Binance จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อคเชน (blockchain) ของประเทศไทย จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว

นี่เป็นการเคลื่อนไหวทางธุรกิจครั้งสำคัญของกลุ่มทุนขนาดใหญ่อีกกลุ่มที่จะส่งผลสะเทือนกับแวดวงการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพราะ Binance เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เติบโตเร็วที่สุด และเป็น exchange ที่มีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก งานนี้จึงเป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้งสองบริษัทเพื่อบุกเบิกธุรกิจการเงินยุคใหม่ของประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ. 2564 GULF ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานชั้นนำของประเทศไทยได้ขยายสู่ตลาดดิจิทัลด้วยการเข้าซื้อหุ้นและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ในสัดส่วน 42.25% ด้วยเงินมูลค่ากว่า 48,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล

เป็นที่รู้กันดีว่า INTUCH หรือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดิมนั้น เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ เทคโนโลยี และดิจิทัล โดยการถือหุ้นและเข้าไปบริหารงานบริษัทจำนวนมาก 

การลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่นี้ทำให้ GULF ได้ครอบครอง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 1 ซึ่งเปิดให้บริการ 5G ทั่วประเทศเป็นรายแรก และมีใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 5G ครบทุกย่านความถี่ และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งทำธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้อินทัชยังเป็นเจ้าของกิจการอินเทอร์เน็ต เช่น บริษัท ไทย แอดวานซ์อินโนเวชั่น จํากัด บริษัท เอทีไอ เทคโนโลยีส์ จํากัด และธุรกิจสื่อ เช่น บริษัท อินทัช มีเดีย จำกัด และบริษัท ทัช ทีวี จำกัด รวมทั้งลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นบริการบนเครือข่ายดิจิทัล เช่น ดาต้าฟาร์ม และอุ๊คบี เป็นต้น

การขยายสู่ตลาดธุรกิจการเงินดิจิทัล GULF จึงต้องหาพาร์ทเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพพร้อมสำหรับเป็นยานนำพาเข้าสู่สมรภูมิใหม่ได้แบบมีแต้มต่อ ซึ่งดูเหมือนว่า Binnace จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เนื่องจาก Binance มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก ในฐานะบริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก และเป็นศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล (Crypto currency) ที่ได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุนมากที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งในด้านจำนวนเหรียญให้นักลงทุนเลือกซื้อขายมากที่สุด และมีการบริการต่างๆ หลากหลายครอบคลุมความต้องการลูกค้า

แพลตฟอร์มรายใหญ่แห่งนี้ใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี หลังก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2560 สามารถทำรายได้กว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โดยมีปริมาณการซื้อขายเหรียญดิจิทัลสูงที่สุดในโลกเฉลี่ย 17.3 พันล้านเหรียญต่อวัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.6 แสนล้านบาท (ข้อมูลเดือนมิ.ย.64)

เรื่องราวความสำเร็จแบบน่าอัศจรรย์ของ Binance เกิดขึ้นจากมันสมองของหนุ่มเชื้อสายจีนชื่อ “เจาชางเผิง” หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า CZ (Changpeng Zhao) ซึ่งย้ายจากประเทศจีนไปพำนักในประเทศแคนาดาพร้อมครอบครัวช่วงปลายทศวรรษ 1980 ตั้งแต่วัยเด็ก 

เขามีความสนใจส่วนตัวในด้านการเงินและเทคโนโลยี หลังจากเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จึงเข้าทำงานในแวดวงเทคโนโลยีการเงินโดยเริ่มจากงานพัฒนาซอฟต์แวร์ซื้อขายหุ้มที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องระบบ exchange เป็นครั้งแรก ต่อมาย้ายไปทำงานเป็นนักพัฒนาระบบซื้อขายล่วงหน้าให้กับ Bloomberg Tradebook ที่นิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา

เขาเริ่มรู้จักกับสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งแรกจากการแนะนำของเพื่อนให้ลงทุนในเหรียญ Bitcoin จนเกิดความสนใจในเทคโนโลยีบล็อคเชนที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซี และตัดสินใจเข้าร่วมงานกับ Blockchain.com ต่อมาย้ายไปอยู่ OKCoin ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายเหรียญดิจิทัล และกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาลงมือสร้าง Crypto Exchange ของตัวเองขึ้นมาจากการเห็นปัญหาของระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนที่มีอยู่ในเวลานั้น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้งานยากและระบบทำงานล่าช้า ด้วยวิธีระดมทุนผ่านการออกเหรียญดิจิทัลในชื่อ Binance Coin

ระบบซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพท์ดิจิทัลใหม่ชื่อ Binnance ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะใช้งานง่าย ทำธุรกรรมรวดเร็ว มีค่าธรรมเนียมต่ำ และมีระบบบริการลูกค้า 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ภายในเวลา 6 เดือน Binnance กลายเป็น exchange ด้านเหรียญดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก

ล่าสุด เดือนมกราคม พ.ศ.2565 Bloomberg ประเมินว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ CZ ในฐานะ CEO ของ Binance ไว้ประมาณ 96,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 3 ล้านล้านบาท) ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการด้วยวัย 45 ปี

แม้จะได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุน แต่ Binance เผชิญปัญหาถูกแบนจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร รวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ก.ล,ต.ออกประกาศไม่อนุญาตให้ Binance ทำธุรกรรมในประเทศไทย เพราะก่อนหน้านี้ ก.ล.ต.ได้ขอข้อมูลไปยัง Binance แต่ไม่ได้รับการชี้แจงตั้งแต่เดือนเมษายน 2564

ปัญหาสำคัญมาจากการไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง Binnance มีบริการหลากหลาย รวมถึงสินทรัพย์ประเภท Derivatives ที่มีความซับซ้อนมาก ซึ่งจะทำให้นักลงทุนที่ไม่มีความเข้าใจอาจได้รับความเสียหายอย่างมาก 

แต่แทบไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เนื่องจากเว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศที่ประกาศห้ามดังกล่าว นักลงทุนจำนวนมากยังคงนิยมใช้บริการของ Binance โดยเฉพาะระบบ P2P ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างกันได้โดยตรง และแลกเงินเข้าไปลงทุนได้สะดวกง่ายดายโดยไร้ค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นที่จับตาเป็นพิเศษเพราะเป็นช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือทำธุรกิจสีเทาได้

ปัจจุบันในเมืองไทยมีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จำนวน 8 ราย (ถูกถอนใบอนุญาตไป 1 ราย เมื่อปี พ.ศ. 2564) หาก Binnance จะเข้ามาทำธุรกิจศูนย์บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในเมืองไทยร่วมกับพาร์ทเนอร์ตามที่เป็นข่าว ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบริการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่มีอยู่

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกย่อมส่งผลสะเทือนทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังจากรายใหญ่อย่าง บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ทุ่มเม็ดเงินมูลค่า 17,850 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดจากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เพิ่มเข้าลงทุนใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitcub) เจ้าของศูนย์บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เมือเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2564 

สมชัย อักษรารักษ์ … อดีตบรรณาธิการ ผู้มีประสบการณ์ 20 ปี ในวงการงานข่าวการตลาด-ไอที แต่มีความสนใจในประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ จนได้ใช้ทำงานสารคดีนาน 10 ปี

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

จับกระแส ตลาดคริปโทฯ ของไทย เมื่อรัฐจ้องเก็บภาษีกำไร

เปิดศักราชใหม่การใช้ “ยานยนต์ไฟฟ้า” หนุนแผนขับเคลื่อนพลังงานสะอาดของไทย

สถานีรถไฟ “หัวลำโพง” อนาคตจะไปอย่างไร

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ