TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessซิกนิฟาย ชูกลยุทธ์ “Brighter Lives, Better World”

ซิกนิฟาย ชูกลยุทธ์ “Brighter Lives, Better World”

“ซิกนิฟาย” ผู้บริหารจัดการแบรนด์ฟิลิปส์ ชูพันธกิจ “Brighter Lives, Better World” เร่งต่อยอดความยั่งยืน พร้อมประกาศกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจสอดรับเป้าหมาย UN SDGs ที่ทั้ง 5 เป้าที่ทางบริษัทฯได้วางไว้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต พร้อมชูเทคโนโลยียูวีซีในหลากหลายผลิตภัณฑ์ในตลาดเมืองไทย ตอบโจทย์การป้องกันและรับมือกับโควิด-19 เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

รวมถึงการรับมือการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคต เร่งขยายฐานกลุ่มไฮเอนท์ เดินหน้าปั้นกระแสสมาร์ทโฮมและไอโอทีรับเวิร์คฟอร์มโฮม ควบคู่การสร้างคุณค่าแก่สังคมโลกโดยรวม ภายใต้แนวทาง “เราต้องการปลดล็อกศักยภาพพิเศษของแสงไฟ เพื่อชีวิตที่สดใสและโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” (Unlock the extraordinary potential of light for brighter lives and a better world)

จาร์กันนาธาน ศรีนิวาสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซิกนิฟาย เป็นผู้นำธุรกิจระบบไฟ หลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างระดับโลก มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและสร้างคุณค่าแก่สังคมโลก ตลอดจนนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มค่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวทาง “เราต้องการปลดล็อกศักยภาพพิเศษของแสงไฟ เพื่อชีวิตที่สดใสและโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” (Unlock the extraordinary potential of light for brighter lives and a better world)

จากเทรนด์ของโลกซึ่งมีผลกระทบด้านความยั่งยืนพบว่า พลังงานที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ 60% เป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก มีเพียง 19 เมืองเท่านั้นที่ตั้งเป้าใช้พลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์

นอกจากนี้ พบว่า มีเพียง 9% เท่านั้นมีการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือประมาณ 200 บริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลก ซึ่งซิกนิฟายก็เป็นหนึ่งในนั้น

ปี 2018 พบว่า มีถึง 25% ของโลกที่ประสบกับปัญหาความไม่มั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น 70% ในปี 2035 หรือหากมองในด้านสุขภาพ

ปี 2050 ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีสูงถึง 22% ของประชากรโลกทั้งหมด ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีการใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ยอดการผลิตแสงสว่างเพื่อสุขภาพสูงขึ้นถึง 16%  และในด้านความปลอดภัย มีแนวโน้มว่า

ปี 2050 จะมีประชากรอาศัยในเมืองสูงถึง 70%  โดยมีคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 จะมีประมาณ 60 ประเทศที่ถนนกว่าครึ่งหนึ่งในประเทศมีความไม่ปลอดภัย การเพิ่มแสงสว่างมีผลต่อทัศนวิสัย และช่วยลดอุบัติเหตุได้

ด้วยแนวโน้มของโลกดังกล่าว ซิกนิฟายจึงกำหนดพันธกิจ “เพื่อชีวิตที่สดใสและโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” (Brighter lives, Better world) เพื่อขับเคลื่อนสังคมโลกไปสู่ความยั่งยืน โดยโฟกัสที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ( United Nations Sustainable Development Goals, UN SDGs) 5 เป้าหมาย ซึ่งในปี 2021 ได้ตั้งเป้าผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs เพื่อให้เกิดความยั่งยืนที่แท้จริงควบคู่กับกลยุทธ์นวัตกรรมเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประกอบด้วย

·       เป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate action) โดยมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มแอลอีดี 2 พันล้านชิ้น และโซลาร์เซลล์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

·       เป้าหมายหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตั้งเป้าหยุดการใช้พลาสติก เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำพลาสติกใช้แล้วกลับมาผลิตใหม่เป็นโคมไฟด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ

·       เป้าหมายด้านการเข้าถึงอาหาร (Food availability) พัฒนาผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูกพืชผัก โดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีเพื่อการทำฟาร์มแนวตั้ง และการเพาะเลี้ยงสัตว์

·       เป้าหมายด้านความปลอดภัย (Safety & Security) เพิ่มความปลอดภัยให้เมืองใหญ่ด้วยระบบแสงส่องสว่างอัจฉริยะตามท้องถนน นอกจากนี้ซิกนิฟายยังเป็นผู้นำเทคโนโลยีไลไฟ (Lifi) ที่มีความเสถียรและปลอดภัย  

·       เป้าหมายด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wealth being) ซึ่งมีทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มยูวีซี เพื่อตอบสนองความต้องการคนทั่วโลกจากการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนฟิลิปส์ ฮิว และฟิลิปส์ วิช ระบบไฟสำหรับสมาร์ทโฮมเพื่อตอบรับการใช้ชัวิตที่สะดวกสบายในบ้านมากกว่าที่เคย และผลิตภัณฑ์หลอดไฟถนอมสายตา

สำหรับความสำเร็จในปี 2020 ที่ผ่านมา จาร์กันนาธาน กล่าวว่า ด้านความยั่งยืน ซิกนิฟายได้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยขณะนี้สามารถชดเชยคาร์บอนเป็นศูนย์ (100% Carbon Neutral) และเปลี่ยนไฟฟ้าเป็นพลังงานหมุนเวียนได้ 100% สามารถทำรายได้ด้านความยั่งยืน (Sustainable) 84.1% จากที่เป้าหมายไว้ 80% นอกจากนี้

ตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2025 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) จาก 58% เป็น 72% เพิ่มรายได้จากการหมุนเวียนทรัพยากรเป็น 32% และเพิ่มรายได้ด้านยกระดับคุณภาพชีวิต เป็น 32% และช่วยเหลือผู้คนทั่วโลกกว่า 10 ล้านชีวิต ผ่านมูลนิธิซิกนิฟายสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นต้น ซึ่งถือเป็นนโยบายของซิกนิฟายระดับโกลบอล ที่คาดหวังว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ขณะเดียวกัน ซิกนิฟายประเทศไทยก็ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนตามแนวทาง UN SDGs ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงมีความต้องการ มุมมองต่อสังคมโลก และสิ่งแวดล้อมในทางที่ดีมากขึ้น ซิกนิฟายในประเทศไทยจึงวางแนวทางการดำเนินงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย 

ไฮไลต์ในปีนี้ แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 

กลุ่มสุขภาพ ซิกนิฟายได้วิจัยและพัฒนาสินค้าในกลุ่มยูวีซี เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการระบาดของโควิด19 รวมทั้งยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อไวรัสอื่น ๆ 

กลุ่มสมาร์ทโฮม ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนท์สอดรับการทำงานเวิร์คฟอร์มโฮม ไม่ว่าจะเป็น  ฟิลิปส์ ฮิว (Philips Hue), วิซ (WiZ Connected) และหลอดไฟฟิลิปส์ถนอมสายตา (Philips Eye Comfort LED Bulb)

กลุ่มเทคโนโลยีล้ำอนาคตในยุคไอโอที ทั้งเทคโนโลยีไลไฟ (แบรนด์ Trulifi) การรับส่งข้อมูลด้วยแสงที่มีความปลอดภัยสูง และอินเตอร์แอ็ค (แบรนด์ Interact) แพลตฟอร์มไอโอทีเชื่อมโยงแสงสว่างเข้ากับระบบการจัดการ สะดวกในการใช้งาน และประหยัดพลังงาน

กลุ่มเทคโนโลยีแสงสว่างสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ และสุกร (แบรนด์ Once) และการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ (แบรนด์ Philips) เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพสินค้า ลดอัตราสูญเสียผลิตผล และสุดท้าย กลุ่มพลังงานและความยั่งยืน สินค้าประเภทโซลาร์เซลล์ (Philips Solar Cell) โคมไฟใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และสินค้าโคมไฟทรีดี ปริ้นติ้ง (3D printing) ที่นำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตโคมไฟรักษ์โลก เป็นต้น

จุดแข็งของซิกนิฟาย ประเทศไทยว่า แม้ในยามวิกฤติโควิด-19 แต่ก็ยังสามารถอยู่ในลำดับต้น ๆ ของไทย เพราะแบรนด์ฟิลิปส์ภายใต้ซิกนิฟายมีความเข้มแข็งและมีประวัติยาวนานถึง 129 ปี เป็นบริษัทหลอดไฟและอุปกรณ์ส่องสว่างแถวหน้าในประเทศไทย นอกจากนี้มีการลงทุนในเรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดนิ่ง จึงทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกัน ซิกนิฟายจึงสามารถก้าวผ่านมาวิกฤติต่าง ๆ มาได้อย่างมั่นคง

ในปี 2563 ซิกนิฟายมียอดขายทั่วโลกประมาณ 6,500 ล้านยูโร (7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงจากปีก่อน 12.7% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้จำหน่ายหลอดไฟแอลอีดี และโคมไฟได้ 2,900 ล้านชิ้น โดยมียอดขายหลอดไฟแอลอีดี คิดเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมด ปัจจุบันมีพนักงาน 38,000 คน ใน 74 ประเทศทั่วโลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ