LINE ประเทศไทย ยังคงตั้งเป้าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตของผู้คน ทำให้คนใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี ทำให้คนมีเวลาไปทำสิ่งที่ชอบ
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย จำกัด กล่าวกับ The Story Thailand ว่า จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ LINE เคยประกาศไว้เมื่อปี 2019 ถูกนำมาบังคับใช้ คนต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่ง LINE มีฟีเจอร์หลายอย่างที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิต ทั้งการติดต่อสื่อสาร ข่าวสาร คอนเทนต์บันเทิง รวมถึงบริการส่งของส่งอาหาร
จากการล็อคดาวน์ เป็นการบังคับให้คนเปลี่ยนพฤติกรรม (Forced Migration) เช่น การประชุมทางไกล คนที่ไม่เคยซื้อของออนไลน์ก็เข้ามาซื้อ สั่งอาหารออนไลน์ รวมถึงดูคอนเทนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
“เห็นชัดว่าคนที่เข้ามาในแพลตฟอร์ม LINE เพราะต้องการเนื้อหาข่าวสารที่ถูกต้อง และใช้บริการที่ทำให้ไม่ต้องออกจากบ้าน”
ตอบโจทย์ผู้ใช้ ด้วยเครื่องมือใน LINE
ดร.พิเชษฐ กล่าวว่า LINE เพิ่มหมวดเพื่ออัปเดตสถานการณ์โควิด-19 ให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง และอีกพฤติกรรม คือ คนเข้ามาซื้อของออนไลน์มากขึ้นเท่าตัว
เปิดฟีเจอร์ใหม่สำหรับประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอล ให้แชร์หน้าจอได้ (Share screen) รองรับผู้ใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น
ตอบโจทย์ผู้ค้าโดยการเปิดให้บริการ MyShop เป็นช่องทางให้โปรโมทสินค้าได้ง่ายขึ้น ช่วยคนที่ไม่สามารถขายของที่ร้านตัวเองได้แต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้จ่าย สามารถซื้อของได้โดยที่ไม่ต้องกดเพิ่มเพื่อน ปัจจุบัน มี SMEs อยู่บน LINE OA และ MyShop เกือบ 4 ล้านราย
มี LINE MAN ที่ธุรกิจส่งอาหารสามารถขึ้นทะเบียนและขายของได้อย่างรวดเร็ว
“เราเข้ามาตอบโจทย์การทำงาน พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้เหมาะกับการทำงานมากยิ่งขึ้น”
โซเชียลคอมเมิร์ซ โอกาสของคนไทย
ดร.พิเชษฐ กล่าวว่า โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) มีโอกาสเติบโตมากในประเทศไทย เพราะผู้ค้าไทยมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าในต่างประเทศ บวกกับแพลตฟอร์ม LINE ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันได้ง่ายขึ้น ซึ่ง LINE จะลงทุนต่อเนื่องเพื่อให้อุตสาหกรรมโต แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะทำให้เติบโตได้มากขึ้น
มีโอกาสสูงที่ในอนาคตคนจะไม่ได้ขายสินค้าแค่อย่างเดียว ซึ่งโซเชียลคอมเมิร์ซ สามารถขายหลาย ๆ อย่างได้โดยที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้า สามารถสร้างโครงข่ายกับผู้ขายคนอื่น ทำให้ต้นทุนลดลง รวมถึงสามารถร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าให้นำร้านค้าที่เช่าพื้นที่มาอยู่บนแพลตฟอร์ม
“ผู้ค้าหน้าเดิมและหน้าใหม่จะเข้ามาในตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น เปรียบเทียบราคาได้มากขึ้น”
ในด้านการจ่ายเงินมี Rabbit LINE Pay แต่ไม่ได้บังคับให้ผู้ค้าต้องใช้ ซึ่งผู้ค้าสามารถเลือกใช้ระบบจ่ายเงินอื่น ๆ ได้
LINE ยังพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเพื่อให้ลูกค้าใช้งาน Official Account (OA) ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ สามารถบริหารได้โดยตัวคนเดียว มีระบบจัดการสินค้าทำให้ผู้ขายไม่ต้องมาตอบลูกค้าเองตลอดเวลา แต่ให้บอทเข้ามาตอบ
“ส่วนบริการใหม่ ๆ ในอนาคต ต้องดูกันหลายอย่าง เราตั้งใจให้คนมี Life on LINE แพลตฟอร์มต้องตอบโจทย์คนตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ซึ่งจะเห็นว่ามีแอปพลิเคชันที่นิยมและไม่นิยมบ้าง จะต้องดูต่อไปว่าเราจะมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาตอบโจทย์คนใช้งาน”
เป็นบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทย
ดร.พิเชษฐ กล่าวว่า LINE เป็นบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติที่จ้างคนไทยในประเทศไทยค่อนข้างสูง มีพนักงาน 500 คนในประเทศไทย
ด้านบริการมีทั้ง LINE Chat, LINE Sticker, Line Melody ที่คนไทยใช้กันมาก แต่ในภาคธุรกิจ LINE OA จะไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะลูกค้ารายใหญ่ ๆ อีกต่อไป แต่ธุรกิจขนาดเล็กและตัวบุคคลก็สามารถใช้ได้ ด้านคอนเทนต์คนเข้ามาชมละครมากขึ้น ก็จะลงทุนต่อเนื่องกับการสร้าง Original Content
“เรายังอยากเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยทุกวันมากที่สุด เราเชื่อว่าเทคโนโลยีของเราจะเข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจและการค้าขายของคนในประเทศไทยโตขึ้นได้ ขณะเดียวกันเราลงทุนสร้างคอนเทนต์ลง LINE TV ใน 5 ปีที่ผ่านมาประมาณ 70 เรื่อง ซึ่งจะเห็นว่าเราลงทุนในประเทศไทยตลอด”
อศินา พรวศิน – สัมภาษณ์
ทรงกลด แซ่โง้ว – เรียบเรียง
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
-“ดิจิทัลพีอาร์” ฉลาดสื่อสาร เข้าใจคน-เทคโนโลยี
-“สมคิด จิรานันตรัตน์” ชูแนวคิด Thailand Digital Platform ช่วยขับเคลื่อนประเทศ
-Thailand Mobile Expo มาใหม่ในรูปแบบ “ไฮบริด” ออนไลน์/ออฟไลน์
-“โควิด-19” ขับเคลื่อนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น “ธุรกิจ เทคโนโลยี คน” ปัจจัยสำเร็จ
-Siri Ventures เดินหน้าลงทุนสตาร์ตอัพ พัฒนาเทคโนโลยี สร้างรายได้เพิ่ม
