TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyเอ็นไอเอ ชู 6 ประเด็นนวัตกรรมต้องเตรียมพร้อม เพื่อสู้วิกฤติในอนาคต

เอ็นไอเอ ชู 6 ประเด็นนวัตกรรมต้องเตรียมพร้อม เพื่อสู้วิกฤติในอนาคต

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดเวที INNOVATION THAILAND FORUM 2021 รวบรวมนักกลยุทธ์ชั้นนำจากหลากหลายภาคส่วนร่วมเสนอทางออกวิกฤติในประเทศไทย ในช่วงการเกิดโรคโควิด-19 พร้อมชู 6 ประเด็นทางนวัตกรรมและแนวทางการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ไทยต้องเร่งพัฒนา ได้แก่ นวัตกรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นวัตกรรมสุขภาวะและการแพทย์ แพลตฟอร์มการฟื้นฟูการท่องเที่ยว นวัตกรรมบริการภาครัฐ การแก้ปัญหาวิกฤติมลพิษและสิ่งแวดล้อม และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต พร้อมชี้ภายใต้การระบาดของโรคดังกล่าวที่เกิดขึ้น แม้จะสร้างความผันแปรทางเศรษฐกิจและสังคม และทำให้การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก แต่สิ่งที่ยังคงต้องถูกพัฒนาและเป็นแนวทางการรับมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ “นวัตกรรม” ซึ่งขณะนี้หลายภาคส่วนยังคงเดินหน้าส่งเสริมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า จากการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งเสริมให้อันดับนวัตกรรมของประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ในลำดับที่น่าพอใจ โดยล่าสุดบลูมเบิร์กซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำระดับโลกด้านข่าวและข้อมูลด้านธุรกิจ มีการจัดผลอันดับนวัตกรรม Bloomberg Innovation Index ซึ่งผลปรากฏว่าขีดความสามารถทางนวัตกรรมของประเทศไทยในปีนี้ขยับขึ้น 4 อันดับ จากอันดับที่ 40 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 36 จากจำนวนทั้งสิ้น 60 ประเทศ และถือเป็นลำดับที่ 3 ของกลุ่มประเทศอาเซียน

สำหรับการจัดอันดับนวัตกรรมในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะแสดงให้เห็นว่าระบบนวัตกรรมในประเทศไทยได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงความพยายมของรัฐบาลและเอกชนที่มุ่งผลักดันมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นอีกว่าวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมของไทยกำลังก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศต่อไป

-มูลนิธิ รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารฯ ชี้ “โควิด” สะท้อนความต้องการ 5 นวัตกรรม
-AIS เปิดภารกิจ ‘JUMP THAILAND 2021’ ระดมสมองคนไทยร่วมสร้างนวัตกรรมแก้วิกฤติรอบตัวอย่างยั่งยืน

ดร.เอนก กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างของวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของไทยที่มีความก้าวหน้า เช่นสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ มีการพัฒนาเทคโนโลยีพลาสมาและฟิวชันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าผลิตเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยด้วยฝีมือของนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยของไทยเองภายในปี 2575 และยังเข้าร่วมภาคีนานาชาติเพื่อผลิตโรงไฟฟ้าจากพลังงานฟิวชัน ซึ่งเป็นพลังงานแบบเดียวกับที่เกิดบนดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานสะอาด เปรียบเหมือนเป็นการสร้างดวงอิทตย์บนโลกเพื่อเป็นแหล่งพลังงานใหม่ภายใน 20-30 ปีข้างหน้า ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศในโลกที่เข้าร่วมภาคีนานาชาตินี้ สะท้อนถึงความสามารถและความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยทำได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

“สำหรับในปี 2564 อว. ได้มีการผลักดันและจัดสรรงบประมาณสำหรับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไว้อยู่ที่ 1.5% ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในอีก 7 ปีข้างหน้า อว. ตั้งหมายว่าจะส่งเสริมการลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ให้ได้ 2 % เพราะในประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องมีสัดส่วนการลงทุน R&D 2% ขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีความเป็นไปได้เพราะขณะนี้หลายภาคส่วนให้ความสนใจในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนการเข้าร่วมลงทุนระหว่างเอกชนและภาครัฐมากถึง 70:30 ดังนั้น การนำเอางานวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาประเทศเพื่อช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ปานกลางจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน”

ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ล่าสุด NIA ได้จัดกิจกรรม “INNOVATION THAILAND FORUM 2021” ซึ่งเป็นเวทีเสนอทางออกวิกฤติในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือจากนักกลยุทธ์ ผู้นำ และผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมแนะโมเดลและแนวทางที่จำเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความพร้อมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คุณสินี จักรธรานนท์ ประธานมูลนิธิอโชก้า (ประเทศไทย) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร. ปกรัฐ หังสสูต จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยการบรรยายพิเศษ คุณภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ นายกสมาคม Thailand Tech Startup Association (TTSA) คุณอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ รองศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และคุณวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้มีสาระสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมที่จำเป็นใน 6 ด้าน ได้แก่ นวัตกรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการได้รับโอกาสการทำงาน และการเข้าถึงบริการสาธารณะ นวัตกรรมสุขภาวะและการแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางสุขภาพและระบบสาธารณสุข แพลตฟอร์มการฟื้นฟูการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการสร้างรูปแบบธุรกิจ (business model) ให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อการปรับตัวและการอยู่รอดในระยะยาว นวัตกรรมบริการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างรัฐบาลดิจิทัล การจัดซื้อจัดจ้าง การสรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคประชาชน แนวทางการแก้ปัญหาวิกฤติมลพิษ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาไฟป่า ปัญหาอุทกภัย ปัญหาพายุหิมะและความหนาวเย็นในวิกฤติโควิด-19

รวมถึงการจัดการและสร้างมูลค่าขยะภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ซึ่งเป็นการสรรหารูปแบบนวัตกรรมเพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ ทั้งการผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ผ่านการทำงานร่วมกับของอุปกรณ์ แพลตฟอร์มเพื่อการเรียนและการทำงาน และการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ AI ให้เป็นประโยชน์ เป็นต้น

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ