TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเปิดแผนธุรกิจ อาร์เอส กรุ๊ป จัดทัพธุรกิจใหม่ พร้อม Spin-Off มุ่ง IPO มุ่งเป้า Market Cap แสนล้านใน...

เปิดแผนธุรกิจ อาร์เอส กรุ๊ป จัดทัพธุรกิจใหม่ พร้อม Spin-Off มุ่ง IPO มุ่งเป้า Market Cap แสนล้านใน 3 ปี

จากธุรกิจค่ายเพลงเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นการทำเพลงแนววัยรุ่นที่สร้างศิลปินในตำนานหลายท่าน จนขยับสู่การเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจรภายใต้ชื่อ RS Promotion 1992 ในปี พ.ศ. 2525 กลายเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ฝั่งลาดพร้าวในยุคที่วงการเพลงยังอยู่ในมือยักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้า และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ในชื่อ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ปี 2546 เปลี่ยนผ่านจากยุครุ่งเรืืองของเทปแคสเซ็ท ซีดี เอ็มพีสาม จนการเข้ามาของยุคสตรีมมิ่ง RS ได้ประกาศข่าวที่สร้างความตกใจให้กับวงการเพลงของไทย คือ ประกาศยุติการทำธุรกิจเพลง

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ฉายภาพการฝ่าวิกฤติธุรกิจเพลงเมื่อ 15 ปีที่แล้วว่า  “ช่วงที่เจอวิกฤติธุรกิจเพลง 5 ปี คือโหดที่สุดของเฮีย เราขายโรงงาน CD ทิ้ง ลดขนาดธุรกิจเพลง เป็นช่วง 5 ปีที่ RS ขาดทุนต่อเนื่อง เป็นช่วงที่ผมคิดว่ายากที่สุด สิ่งที่ได้จากวันนั้นก็คือทำให้เราเรียนรู้ที่จะกล้า Transform กล้า Disrupt รับตัวเอง เป็นภูมิต้านทานให้เราสามารถเจอเรื่องอื่น ๆ ที่มันง่ายแล้วสำหรับเรา จะเห็นว่าพอเราผ่านการ Disrupt ธุรกิจเพลงมาแล้ว เราทำหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจกีฬา บริหารฟุตบอลโลก ฟุตบอลลาลีกาสเปน เสร็จแล้วเราก็ไปทำทีวี ก้าวกระโดดไปทำคอมเมิร์ซ ก็เป็นประโยชน์จากการที่เราได้เจอเรื่องการฝ่าวิกฤต ก็ได้บทเรียนดี ๆ ได้มายด์เซ็ทดี ๆ”

อาร์เอส กรุ๊ป ปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือ มุ่งสู่การเป็น ‘Life Enriching’ คาดรายได้ปี 66 ทะลุ 5,500 ล้านบาท

แน่นอนว่าการหยุดการทำธุรกิจเพลงไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่กลับเป็นการรับมือกับวิกฤติและแสวงหาช่องทางใหม่ RS เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์ อย่างเต็มรูปแบบด้วยการบริหารสื่อที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและประเภทของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แลพ.ศ. 2563 เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของ RS โดยได้ประกาศปรับแบรนด์ใหม่สู่การเป็น “RS Group” และประกาศจุดยืนใหม่คือ Entertainmerce พร้อมทั้งย้ายจากลาดพร้าวไปสู่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 

สู่ไฮไลต์ความสำเร็จในปี 2022

ปี 2022 ที่ผ่านมา RS ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ เป็นหนึ่งในรายชื่อบริษัทหุ้นยั่งยืน เป็นปีที่สองติดต่อกัน และยังสร้างความฮือฮาในการเข้าซื้อ “ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์” กิจการขยายตรง จากยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค “ยูนิลีเวอร์” พร้อมกับล้ำไปอีกก้าว เปิดตัว Popcoin Utility Token และเข้าสู่ XT.COM หนึ่งในกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตอลชั้นนำของโลก เป็น Smart Marketing platform เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของ RS 

นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง Business Model ใหม่ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ De Beste ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณคุณภาพสูง โฟกัสการตลาดออนไลน์ ตอบโจทย์โมเดลธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และมีการขยายสายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ Lifemate เติบโตขึ้นมากกว่า 80 รายการ เข้าสู่ช่องทางการขายผ่าน 600 ร้านค้าทั่วประเทศ และท้ายสุดในปลายปี 2565 คือการประกาศก่อตั้งบริษัท RS Pet All ทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงครบวงจร

“ปีนี้ครบ 3 ปี ที่เราได้ทำการรีแบรนด์ RS พร้อมกับการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับและเป็นกรณีศึกษาของหลาย ๆ หน่วยงาน  3 ปีที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายในการทำธุรกิจ ทั้งโควิด-19 ทั้งสถานการณ์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและคาดการณ์อยากขึ้นเรื่อย ๆ RS ฝ่าฟันสภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้ามาด้วยความสำเร็จ และเติบโตอย่างแข็งแรง นั่นมาจากการที่ RS เป็นองค์กรที่มีการปรับตัวที่ดี มีความยืดหยุ่น เราทำงานเร็ว ที่สำคัญเราไม่เคยหยุดที่จะแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ การสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจเดิมที่เราทำอยู่แล้ว รวมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ”

สุรชัย ยังให้หลักคิดที่เป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้นำองค์กร ที่เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่วัยเพียง 19 ปี เป็นแม่ทัพนำพาองค์กรผ่านวิกฤติมาหลายต่อหลายครั้ง “สิ่งที่คิดว่าสำคัญที่สุดคือ เราเป็นคนไม่ยอมแพ้ ไม่กลัวความล้มเหลว ล้มก็รับได้ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอ ไม่หยุดที่จะคิดและฝัน มันจะทำให้เราไม่ยึดติดในสิ่งที่เราสำเร็จ ถ้าเรามองย้อนไปจะเห็นว่า RS มีเส้นทางเดินที่ค่อนข้างหลากหลาย นั่นสะท้อนว่าเราไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พร้อมจะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ” 

ยุทธศาสตร์ Life Enriching มุ่งสู่ธุรกิจแสนล้าน

ปี 2023 RS ก้าวสู่ปีที่ 41 ตั้งเป้าสร้าง Market Cap ให้ได้ 100,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ การยกระดับชีวิต หรือ Life Enriching จัดทัพธุรกิจใหม่ ออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ตั้งเป้าขยายเพื่อเติบโต พร้อม Spin-Off เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

“ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายที่สุด ตั้งแต่ RS ก่อตั้งมา และท้าทายที่สุดในชีวิตการทำธุรกิจของผม ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือการหาเวลาที่ใช่ให้เจอ ผมคิดว่าปี 2023 คือเวลาที่ใช่ และเราใช้เวลานี้ในการกำหนด Vision ใหม่ ของ RS สำหรับช่วงเวลา 3 ปี และมีเป้าหมายเพื่อจะปั้นให้ Market Cap ของธุรกิจในกลุ่มมีมูลค่า 1 แสนล้าน ผมคิดว่าเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ และไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ มันมียุทธศาสตร์ มีกลยุทธ์รองรับ และมีการคำนวณที่ชัดเจน มีที่มาที่ไป เป็นความท้าทายที่ผมและทีมบริหารมีความมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิด” 

สุรชัย เน้นย้ำถึง 3 ยุทธศาสตร์สำคัญของ RS Group อันเป็นจิ๊กซอว์ที่คิดมาอย่างดี เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ท้าทาย ได้แก่

ยุทธศาสตร์ที่ 1 Life Enriching มุ่งมั่นยกระดับในทุกมิติของการใช้ชีวิต ผ่านการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มธุรกิจของ RS 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นการจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อความชัดเจนและมีความเชื่อมโยง เพิ่มศักยภาพในแต่ละธุรกิจ เป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ RS Multimedia,  RS Music,  RS LiveWell,  RS Connect, RS pet all และ R Alliance 

และยุทธศาสตร์ที่ 3 การขยายธุรกิจแต่ละกลุ่มธุรกิจ และ Spin-Off เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ภาพรวมกำลังทัพของ RS Group

กลุ่มธุรกิจบันเทิงของ RS ประกอบไปด้วย RS Multimedia และ RS Music โดยกลุ่มมัลติมีเดีย ประกอบด้วยทีวีช่อง 8 และ Coolism ช่องทางวิทยุ Cool Fahrenheit ซึ่งที่ผ่านมาเน้นทั้ง ออนแอร์, ออนไลน์ และออนกราวนด์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเราทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านทุกช่องทางสื่อ ส่วน RS Music ถือเป็นหมุดหมายใหญ่ในการกลับมาทำธุรกิจเพลงอีกครั้งหลังจากวางมือมายาวนานถึง 15 ปี 

“หลายท่านทราบดีว่า เราถอยจากธุรกิจเพลงมา 15 ปีแล้ว ในอดีตในวันที่ รายได้ทาง Physical จาก CD หายไป จากการเข้ามาของดิจิทัล มันเป็นสัญญาณบอกว่า เราควรจะลดบทบาทของธุรกิจนี้ลง แต่วันนี้ผมว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ปี 2565 นี้เป็นปีแรก ที่ RS จะกลับมาให้ความสำคัญ มุ่งลงทุน ทำงานเชิงลึกกับธุรกิจเพลงอีกครั้งหนึ่ง”

เหตุผลที่ 1 ก็คือ เรื่องของการเติบโตของตลาดดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Facebook YouTube IG TikTok รวมถึง Livestream ต่าง ๆ เติบโตมาก เป็นเทรนด์ ส่งสัญญาณว่าเป็น New Wave ของธุรกิจเพลง และสองการกลับมาทำ Music อย่างเต็มรูปแบบครั้งนี้ อาร์เอสจะทำแบบ Total Music 360 องศา และทำแบบจริงจัง โดยมี Partner ที่ดี มาร่วมกันสร้างธุรกิจเพลงในยุคใหม่ให้แข็งแรง

นอกจากธุรกิจบันเทิง RS ได้ก้าวสู่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว โดยมีแบรนด์สินค้าสุขภาพและความงามที่ได้รับการยอมรับ มีทีม วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ทำให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีฐานลูกค้ามากกว่า 2 ล้านคน ในช่องทาง RS Mall ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้บริษัท RS LiveWell

RS Connect อีกบริษัทที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง ตั้งขึ้นเพื่อต่อยอดจากการเข้าซื้อธุรกิจยูไลฟ์ โดยมีคอนเซ็ปต์ คือ People Commerce ทำธุรกิจ “คนต่อคน” ผ่านสองแบรนด์ คือ ULife และ De Beste โดยการทำ Multi-Level Marketing, Subscription Marketing และ Online Marketing 

RS pet all ธุรกิจน้องใหม่ล่าสุดที่เกิดจากความชอบส่วนตัวของสุรชัย และจากการส่งผลิตภัณฑ์ Lifemate เข้าสู่ตลาดและประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและการยอมรับจากตลาด มีที่ยืนในตลาด Pet Product ทำให้เห็นโอกาสและช่องทางในตลาดนี้ จึงต่อยอดด้วยการตั้งบริษัท RS pet all ขึ้นในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาเพื่อการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์และบริการดูแลสัตว์เลี้ยง ครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ 

กลุ่มธุรกิจสุดท้าย ได้แก่ ธุรกิจด้านการลงทุน R Alliance ซึ่งเกิดจากการเข้าไปจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ มุ่งเน้นการเข้าไปเติมเต็ม และพาให้พาร์ทเนอร์เข้ามาสู่ Ecosystem ของ RS เพื่อที่จะเติบโตและแข็งแรงไปด้วยกัน มากกว่าจะเป็นการลงทุนเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่าง บริษัท เชษฐ์ (Chase) ที่กำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เร็วในวันนี้ 

อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งเป้าลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ ผลิตกระเป๋าผ้ารีไซเคิล นำรายได้ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก

เฮียฮ้อ ประกาศดีลยักษ์ RS GROUP จับมือ Plan B ตั้งบริษัทร่วมทุน เขย่าธุรกิจคอมเมิร์ซ

กลยุทธ์ขยายธุรกิจ The Mass-Accessible Entertainmerce 2023

ในส่วนของแผนธุรกิจในปี 2023 ซึ่ง RS Group ยังขับเคลื่อนด้วยโมเดล Entertainmerce วิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้อธิบายถึงที่มาของกลยุทธ์ในการดำเนินงานว่า จากแรงบันดาลใจที่อาร์เอสต้องการมุ่งสู่การเป็น Life Enriching ยกระดับในทุกมิติของการใช้ชีวิตให้กับลูกค้า และเป็นมากกว่าเรื่องของการเติมเต็มความต้องการของลูกค้าผ่านสินค้าและบริการ นำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินการปี 2023 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Mass Accessibility คือ การเจาะตลาดกว้าง เข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ตรงเป้าหมาย มีประสิทธิภาพ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย และเรื่องการมีพาร์ทเนอร์ที่ดี

วิทวัส อธิบายลงลึกในรายละเอียดในแต่ละกลยุทธ์ ที่จะรองรับยุทธศาสตร์และเป้าหมายสู่แสนล้าน ดังนี้

MASS กลยุทธ์การเจาะตลาดที่กว้างขึ้นประกอบด้วยแผนการทำงานใน 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ New Business Models, New Products, New Target Groups และ New Contents

  • New Business model แผนงานในการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ 

RS Connect ในส่วนของ ULife จะมีการเปิดตัว 2 โมเดลใหม่ ได้แก่ ปิ่นโตเป็น Subscription Model ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการสั่งสินค้าเป็นประจำทุกเดือน และยังมอบความคุ้มค่าของราคาสินค้าที่สั่งผ่านโมเดลนี้ อีกหนึ่งโมเดล คือ Prompt ดีไซน์ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเครือข่าย โดยนักธุรกิจอิสระหรือ Business partner ของ ULife จะสามารถนำไปขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเอง ผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำแบรนด์ใหม่ คือ แบรนด์ De Beste เป็นโมเดลธุรกิจสำหรับคนที่ถนัดขายสินค้าออนไลน์ ไม่เน้นการสร้างเครือข่าย แยกออกจากเรื่องโมเดลธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM ของ ULife อย่างชัดเจน เรียกได้ว่า สร้างทางเลือกที่หลากหลายในการสร้างรายได้ให้พาร์ทเนอร์ที่มีความถนัดต่าง ๆ กัน

RS pet all ธุรกิจน้องใหม่ล่าสุด ก็อยู่ในแผนงานแรกนี้ โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนการทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงครบวงจร ตั้งแต่การเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้า ผู้พัฒนาสินค้า ไปจนถึงช่องทางการขาย ผ่าน Pet Retail Shop และนำเสนอบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ ที่ทาง RS คาดหวังการเติบโตที่ค่อนข้างดีในปีนี้

  • New Products การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หรือ Product Lineup ที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคได้กว้างขึ้น 

RS LiveWell ปีนี้จะมาพร้อมกับการนำเสนอสินค้าใหม่ 41 รายการ ในแบรนด์ที่โฟกัสการส่งเสริมดูแลสุขภาพ เริ่มต้นจากแบรนด์ Well U กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และแบรนด์สมุนไพรสกัด Vitanature+ รวม 19 รายการ และแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อย่าง Lifemate จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีก 21 รายการ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 80 รายการโดยเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Specialty Food นอกจากนี้ RS Connect เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ ULife และ De Beste รวม 7 รายการ เป็นทางเลือกให้ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม 

  • New Target Groups การให้ความสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่หลากหลาย ทั้งเจเนอเรชั่น X, Y ไปจนถึงคนรุ่นใหม่ เจน Z ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย ผ่านช่องทางหลากหลายมากขึ้น โดยดำเนินการในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง จะมีการเปิดตัวรายการที่มีเนื้อหาเฉพาะเพื่อการเจาะตลาดในแต่ละเจเนอเรชั่นอย่างชัดเจน และครอบคลุมในทุกช่องทาง
  • New Contents การนำเสนอเนื้อหาใหม่ๆในธุรกิจสื่อและบันเทิง ทั้งในส่วนของธุรกิจ ทีวีดิจิตอล ช่อง 8 และสื่อวิทยุ Cool Fahrenheit 

ทีวีช่อง 8 ในปีนี้ มาพร้อมกับ ภูธรมาร์เก็ตติ้ง ตอบสนองฐานแฟนของช่อง 8 คือ ตลาดต่างจังหวัด มีละครไทยเนื้อหาถูกจริตกลุ่มเป้าหมาย เสริมความหลากหลายด้วยซีรี่ส์เอเชีย จีน อินเดียและเกาหลี เพื่อสร้างความแตกต่างและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ถัดมาเป็นจุดแข็งเดิมของช่อง 8 มาโดยตลอดคือ รายการมวยไทย ปีนี้ยังมีต่อเนื่องถึง 4 รายการ ส่วนรายการข่าวยังคงคอนเซ็ปต์ ครอบคลุมเนื้อหาสาระ รวดเร็ว เข้าใจง่าย เข้มข้น นำเสนออย่างทันท่วงที และอีกหนึ่งไฮไลต์ของช่อง 8 ในปีนี้ จะมีพัฒนาคอนเทนต์ออนไลน์ในหลายรูปแบบ หลายรายการ ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลง หรือ Young Generation 

Cool Fahrenheit ธุรกิจคลื่นวิทยุอันดับ 1 ของเมืองไทย ในปีนี้จะมีความหลากหลายในการจัดกิจกรรมมากขึ้น ผสมผสานเนื้อหาตอบโจทย์ Lifestyle ของผู้ฟัง นำกูรูผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาให้ความรู้ สร้างสีสัน และสร้าง engagement กับคนฟัง เปิดให้ผู้ฟังทางบ้านมีส่วนร่วมกับกิจกรรม มีการจัดกิจกรรมและการ Outing อย่างต่อเนื่อง และ COOLive แบรนด์คอนเสิร์ตและอีเวนต์ ในปีนี้จะมีการจัดคอนเสิร์ต 4 คอนเสิร์ตใหญ่ ต่อยอดความสำเร็จ ของงานคอนเสิร์ตในปีที่ผ่านมาและมีการจัดมหกรรมดนตรี 4 รายการด้วยกัน  

มาต่อกันที่ไฮไลต์ของธุรกิจบันเทิง คือ RS Music ธุรกิจเพลงที่จะกลับมาอย่างจริงจังและเต็มรูปแบบ ภายใต้ 2 คอนเซ็ปต์คือ RS Homecoming คือการนำศิลปินดารา นักร้องของ RS ที่เคยได้รับความนิยม กลับมาทำผลงานเพลงใหม่ เพื่อต่อยอดงานดนตรี และกระแสความนิยม อีกส่วนหนึ่งคือ RS Newcomer มุ่งมั่นพัฒนาและปลุกปั้น ศิลปินหน้าใหม่ และยังมีการนำ partnership ใหม่ๆ มาต่อยอดในการสร้างรายได้ของธุรกิจเพลง โดยมี 4th Apple กับ  Vibe Verse Project ในการจัดโปรแกรม Vibe House คัดสรรศิลปิน T-Pop ยุคใหม่ และ Vibe Square รายการเสตจโชว์ ที่มีธีมในการไปจัดการแสดงในสถานที่ต่าง ๆ สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับแฟนคลับของศิลปิน

ACCESSIBILITY กลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยแผนงานสองส่วนได้แก่ One Stop Marketing Solution และ New synergy

  • One-Stop Marketing Solution มีการตั้งสายงานใหม่ Media Sell & Marketing หรือเรียกย่อๆว่า MSM ซึ่งจะรวมสื่อหลายๆ ช่องทาง RS ไว้ด้วยกัน และบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการซื้อสื่อโฆษณาอย่างสูงสุด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและแบรนด์ต่างๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดให้สื่อของ RS ด้วยเช่นเดียวกัน 
  • New synergy หรือ New Partner การเข้าถึงฐานลูกค้าโดยการร่วมมือกับพันธมิตร

RS Music จะมีมีจับมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ ที่เป็น ดิจิทัลแพลตฟอร์ม พันธมิตรระดับโลก ไปจนถึงพันธมิตรที่ศักยภาพในธุรกิจเพลง 

RS Mall ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีช่องทางเดิมที่มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทางทีวี จะเกิดมิติในการจับมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ ทั้งในด้านการเงิน สุขภาพ และอื่น ๆ เพื่อมาต่อยอดการสร้างฐานลูกค้า และการใช้ Membership Program สร้างฐานรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

RS Livewell เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าจากเดิมในช่องทางโมเดิร์นเทรดหรือช่องทางออนไลน์ จะเริ่มเห็นการจับมือกับร้านค้ามากขึ้น Specialty Store หรือร้านขายยามากขึ้น เช่น การจัดจำหน่ายหรือวางสินค้าในช่องทางของ King Power และขยายช่องทางการขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Lifemate จากเดิมผ่านช่องทาง Pet shop เข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด และมีแผนการส่งออกไปต่างประเทศ

RS Connect ในปีนี้จะมีการสร้าง U Life Space เป็น community space ให้ Business Partner มาใช้เพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจเครือข่าย และจะมีการจัดตั้ง R&D Creating Center ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกว่า 100 พาร์ทเนอร์ ในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ 

R Alliance ปีกด้านการลงทุนของ RS Group มีการลงทุนในบริษัท เชษฐ์เอเชีย จำกัด ซึ่งมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 2023 นอกจากนี้การลงทุนใหม่ ๆ ก็ยังเป็นกลยุทธ์หลักที่ทาง RS ให้ความสำคัญและมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของปีนี้ในเชิงการเข้าลงทุน หรือ M&A Execution Plan อาจจะเห็นโอกาสที่ RS เข้าลงทุนในดีล 2-3 ดีล ด้วยขนาดการลงทุนอยู่ที่ดีลละ 300-600 ร้อยล้าน โดยโฟกัสในธุรกิจที่สามารถมาต่อยอด Ecosystem ของ RS ได้ 

อาร์เอส กางแผนปี 65 มุ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนเต็มตัว ตั้งเป้าดันรายได้โตกว่า 5,000 ล้านบาท

เป้าหมายรายได้และการเติบโตของ RS Group 2023

จากกลยุทธ์ในภาพรวมทั้งหมดข้างต้น วิทวัส เผยถึงเป้าหมายรายได้และการเติบโตของ RS ในปีนี้ว่า “เราตั้งเป้ารายได้รวมของ RS อยู่ที่ 5,500 ล้าน แบ่งเป็นเป้าของธุรกิจฝั่งคอมเมิร์ซ 3,100 ล้านบาท ธุรกิจสื่อและบันเทิง 2,400 ล้าน ในรายละเอียดแต่เป็นในส่วนของคอมเมิร์ซ เรามองเรื่องของบริษัท RS Mall และ LiveWell รายได้รวมประมาณซัก 1,800 ล้าน เป็นรายได้จากฝั่ง RS Connect ที่เราทำธุรกิจเกี่ยวกับผู้คน ประมาณ 900 ล้านบาท และ RS pet all น้องใหม่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงประมาณซัก 400 ล้านบาท” 

ในฝั่งของ Media Entertainment ประมาณ 1,400 ล้านบาท มาจากเรื่องของ RS Multimedia และ 400 ล้านมาจาก RS Music ที่จะกลับมาลุยธุรกิจเพลงอย่างเต็มตัว สุดท้ายกิจกรรมคอนเสิร์ตหรือ Event ต่าง ๆ อาร์เอสมองรายได้รวมที่ 550 ล้าน โดยที่มี Gross Margin อยู่ที่ 48-50% และมี Net Margin อยู่ที่ 11-13% 

“นี่เป็นเป้าหมายที่เราเชื่อมั่นว่า เราน่าจะสร้างการเติบโต และสำเร็จได้ในปีนี้ ผมคิดว่าแผนธุรกิจของ RS และกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เราจะทำใน 2023 มีประมาณนี้ และคาดหวังว่าจากความพยายามต่าง ๆ ที่ทางบริษัทอาร์เอสได้ทำ ในปีที่ผ่านมาและที่จะทำต่อในปีนี้ เชื่อมั่นว่าธุรกิจของ RS จะประสบความสำเร็จ” วิทวัส กล่าวทิ้งท้าย 

เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำ 2 รุ่น “กลุ่มบ้านปู” ในวันที่ต้องเปลี่ยนผ่านธุรกิจพลังงานสู่อนาคต

เมื่อยุคของ Web 3.0 มาถึง โลกเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่คุณคิด

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ