TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“สุญญากาศ-เกียร์ว่าง” หลุมดำเศรษฐกิจไทย

“สุญญากาศ-เกียร์ว่าง” หลุมดำเศรษฐกิจไทย

จะว่าไปแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองเราเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือการเมืองอยู่ในสภาพขมุกขมัว ทุกอย่างดูซึม ๆ การบริหารงานของรัฐบาลดูนิ่ง ๆ เพราะเหลือเวลาราว ๆ เดือนกว่า ๆ เนื่องจากในวันที่ 23 มีนาคม สภาชุดนี้ก็จะอยู่ครบวาระ 4 ปี จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน

การเลือกตั้งในภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็ม ที่มีทั้งเรื่องน่าดีใจและน่าเป็นห่วง เรื่องที่น่าดีใจ เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งจะมีเม็ดเงินสะพัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนไม่น้อย เมื่อเร็ว ๆ นี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดราว 40,000-50,000 ล้านบาท ก็จะทำให้ GDP โตได้อีกราว 1% กว่า ๆ แต่ก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆเท่านั้น

แต่เรื่องที่น่าห่วงตรงที่ การเลือกตั้งในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง เป็นช่วงที่เกิดสุญญากาศทางการเมืองและการบริหารประเทศ ในปีนี้ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ทั้งปัญหาดอกเบี้ยสหรัฐ เงินเฟ้อทั้งของโลกและเงินเฟ้อของไทย แม้ว่าตอนนี้จะมีแนวโน้มดีขึ้นตาม

ปัญหาสงครามรัสเซียยูเครนก็ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม นักวิเคราะห์ต่างชาติพากันวิเคราะห์ว่าอาจจะมีการสู้รบครั้งใหญ่ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า จะทำให้สงครามรัสเซียยูเครนจะรุนแรงขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า หากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ทำนายก็ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง รวมไปถึงปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มวิกฤติหนี้กลุ่มประเทศเกิดใหม่จะมีแนวโน้มลดลงหรือไม่

จากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยโดยตรง เนื่องจากการส่งออกเป็นเครื่องยนต์หลักในการปั๊มรายได้เข้าประเทศ ซึ่งต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ แม้จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาชดเชยหลังจากที่จีนเปิดประเทศก็ตาม แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวเองก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แถมยังมีปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมาย

ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์การเมืองไทย ที่เวลานี้เกือบจะเรียกว่าอยู่ในห้วงสุญญากาศอย่างแท้จริง ที่จริงบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สะท้อนจากกรณีสภาฯ ล่มบ่อย ๆ ถือว่าบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทำให้การพิจารณากฎหมายสำคัญ ๆ หลายฉบับไม่คืบหน้า รัฐมนตรีในรัฐบาลก็ไม่ให้ความร่วมมือในการมาตอบกระทู้ของส.ส.ในสภาฯทำให้การเสนอปัญหาของชาวบ้านไม่ได้รับการสนองตอบ

ยิ่งเวลานี้ การเลือกตั้งงวดเข้ามา ส.ส. หลายคนต่างทยอยลาออกจากพรรคเดิมเพื่อสังกัดพรรคใหม่ ทำให้สภาฯเปิดประชุมไม่ได้ ส.ส.ไม่ครบองค์ประชุมรวมถึง”พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เวลานี้จะขลุกอยู่กับการออกเยี่ยมชาวบ้านเพื่อหาเสียง ไม่มีเวลาบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีก็พากันทิ้งงานในกระทรวง ช่วงนี้จึงไม่มีผลงานอะไรออกมา

ขณะที่การเมืองอยู่ในช่วงสุญญากาศ จึงเปิดช่องให้ข้าราชการ “เกียร์ว่าง” สภาพการทำงานของข้าราชการที่ผ่านมา เวลาใกล้ฤดูเลือกตั้งก็จะปล่อย ”เกียร์ว่าง” เพื่อรอดูทิศทางลมทางการเมืองว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล เมื่อการเมืองเกิด ”สุญญากาศ” ผสมโรงกับ ”ข้าราชการเกียร์ว่าง” ทำให้ไม่มีนโยบายสำคัญๆออกมาขับเคลื่อนให้ประเทศเดินหน้า

จึงไม่แปลกใจที่มีการคาดการณ์จากสำนักวิจัยเศรษฐกิจระดับโลกจะประเมิน GDP ของไทยตามหลังประเทศอาเซียน เมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานข่าวว่า นักลงทุนกว่า2,000 โครงการเมินไทยหันไปลงทุนเวียดนาม ขณะที่การส่งออกก็มีปัญหาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

การท่องเที่ยวไทยเริ่มจะฟื้นตัวยังไม่ทันไร ก็มีข่าวตำรวจรีดไถเงินนักท่องเที่ยว ตอนนี้กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก รวมถึงการฉกฉวยของคนทีเกี่ยวข้องเห็นแก่ได้โก่งราคานักท่องเที่ยว ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวของไทยเสียหาย

อีกทั้งปัญหาทุนจีน ทั้งทุนจีนเทาและจีนขาวที่เข้ามายึดประเทศไทย มาแย่งอาชีพคนไทยในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา โดยเฉพาะทุนจีนเทามาสร้างอิทธิพล ทำธุรกิจมืดอย่างค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ การกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ถูกปล่อยปละละเลยจากเจ้ากระทรวงที่รับผิดชอบกลายเป็นปัญหาสังคม ซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจและคนในแวดวงการเมืองกลับทำตัวเป็น ”แนวร่วมใกล้ชิด” กับขบวนการจีนเทาทั้งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ทุกวันนี้ ทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชนกำลังเดือดร้อนจากค่าไฟฟ้าแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานอุตสาหกรรม ที่ผลิตเพื่อการส่งออก ค่าไฟฟ้าแพงทำให้ต้นทุนสูงไม่สามารถแข่งขันได้ นักลงทุนที่คิดจะเข้ามาลงทุน ก็พากันหันหัวเรือไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทนเพราะรับภาระค่าไฟฟ้าแพงกว่าเท่าตัวไม่ไหว

ปัญหาทั้งหลายทั้งปวง แทบไม่ได้รับการแก้ไขอันเกิดจากรัฐมนตรีในกระทรวงที่รับผิดชอบ ข้าราชการอยู่ในสภาพเกียร์ว่างพึ่งพาไม่ได้

ยิ่งหากมีการยุบสภาหรือสภาครบวาระมีการเลือกตั้งใหม่ โดยสภาจะครบวาระ 23 มี.ค.2566 และต้องเลือกตั้งภายใน 45 วัน วันเลือกตั้งคือวันที่ 7 พ.ค.2566) แต่ถ้ามีการยุบสภาก่อน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญต้องเลือกตั้งภายใน 45-60 วันตอนนั้นจะเป็นรัฐบาลรักษาการ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ แต่กว่าจะประกาศรายชื่อส.ส.ครบ คาดว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่และประกาศนโยบายต่อสภาฯ ได้ ก็ราว ๆ ปลายเดือนมิถุนายน 2566 แต่อาจจะลากยาวไปถึงเดือนกรฎาคม เลยทีเดียว

นั่นแปลว่า ประเทศไทยจะตกอยู่ในห้วงสุญญากาศ ทางการเมือง การบริหารประเทศและข้าราชการเกียร์ว่างกว่าครึ่งปี รัฐบาลใหม่กว่าจะเข้าที่เข้าทางมีเวลาทำงานจริงๆคงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

เมื่อประเทศอยู่ในห้วงสุญญากาศนานอย่างนี้ ก็คงต้องลุ้นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะออกหัวหรือออกก้อย แถมยังต้องลุ้นหลังเลือกตั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองอีกหรือไม่ ภาคธุรกิจเอกชนต้องเตรียมรับมือให้ดี

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

“Virtual Bank”… อาวุธลับเขย่า “แบงก์รูปแบบเดิม”

จีนเทา-จีนขาว ยึดเมือง !!!

บางจาก ฮุบ เอสโซ่ … ท้าชน ปตท

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ