TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBook ReviewThe Promise ความหมายของ "ครอบครัว"

The Promise ความหมายของ “ครอบครัว”

ครอบครัวเป็นอะไรที่น่าพิศวง การจะทำให้ครอบครัวอบอุ่นสมาชิกรักใคร่เอื้ออาทรกัน ไม่มีช่องว่างระหว่างวัย ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องเริ่มต้นที่หัวหน้าครอบครัว ที่ต้องมีความมั่นคงในอารมณ์ เป็นที่พึ่งของคนในครอบครัวได้

The Promise เน้นให้เราเห็นถึงความจริงในข้อนี้ แต่ในด้านลบ นวนิยายของ Damon Galgut เล่มนี้ได้รางวัล The Booker Prize ปี 2021 ชื่อหนังสือแปลตรง ๆ คือ คำสัญญา ตามที่โปรยไว้ปกหลังคือเป็นเรื่องคำสัญญาที่ว่างเปล่า แต่ไส้ในคือเรื่องครอบครัวล้วน ๆ

เป็นเรื่องราวของครอบครัว Swart ในช่วงเวลาสี่สิบปีที่สมาชิกมีแต่จะตายจากกัน ที่เหลือก็ถอยห่างจากกันจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ฉากของเรื่องอยู่ในฟาร์มใหญ่แห่งหนึ่งประเทศอาฟริกาใต้ (ขอสาบานว่าไม่ได้ตั้งใจเลือกอ่านเพราะประเด็นนี้)

เริ่มเรื่องที่ราเชล แม่ของเด็ก 3 คน – Anton (แอนตัน) Astrid (แอสทริด) และ Amor (เอเมอร์) – เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทิ้งให้ Manie ผู้เป็นพ่อเศร้าเสียใจมาก จนหันไปเข้าทางศาสนา ไม่สนใจลูก โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็กที่เขาสงสัยว่าไม่ใช่ลูกของเขา เพราะตอนท้อง เขาไม่ค่อยได้นอนกับราเชล เรื่องของสัญญาเริ่มที่ราเชลบอก Manie ก่อนตายให้ยกที่ดินบ้านหลังน้อยข้างบ้านใหญ่ที่คนรับใช้ชื่อซาโลมอาศัยอยู่ให้กับซาโลม

เขารับปาก โดยเอเมอร์ก็ได้ยินด้วย แต่หลังงานศพราเชล เขากลับบอกว่าเป็นเรื่องบ้าบอ แค่ส่งลูกคนรับใช้เรียนหนังสือก็ทำให้เยอะแล้ว (ในยุคนั้นที่คนผิวดำไม่มีสิทธิมีที่ดินเป็นของตัวเอง) เอเมอร์ถูกส่งกลับไปโรงเรียนประจำ เรียนจบก็ไปหางานทำที่ลอนดอนไม่กลับบ้าน

แอนตันกลับไปประจำกองทหาร ก่อนไปทะเลาะกับพ่อเพราะเขาไปดูถูกพระที่พ่อนับถือ แต่เขาตัดสินใจหนีทหาร (เพราะวันที่แม่ตาย เขายิงปืนลั่นใส่ผู้หญิงคนหนึ่งจนเสียชีวิตและเขาคิดว่าผลของการกระทำนั้นทำให้แม่ต้องตาย เลยไม่อยากเป็นทหารต่อ) หนีไปเรื่อย ๆ โดยติดต่อแค่แอสทริดที่อยู่บ้านและแต่งงาน มีลูกแฝด 

เวลาผ่านไปสิบปี มานี่เสียชีวิตจากการถูกงูเห่ากัด เขาลงทุนสวนสัตว์เลื้อยคลานกับหุ้นส่วนและเข้าไปอยู่ในกล่องกับงู เพราะคิดว่าพระเจ้าจะปกป้องเขาจากงูได้

แอสทริดตามแอนตันและเอเมอร์กลับมาในวันเปิดพินัยกรรม ทุกคนเว้นเอเมอร์ดีใจที่พ่อทิ้งมรดกไว้ให้มากมาย โดยทุกคนจะได้รับผลประโยชน์เป็นรายเดือน และห้ามขายฟาร์ม ยกเว้นว่าลูกทุกคนเห็นด้วย เอเมอร์ถามทุกคนเรื่องสัญญาเรื่องที่ของซาโลม ทุกคนไม่สนใจ

เอเมอร์ออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อนหญิงต่างเมืองและทำตัวเหมือนสาบสูญ ไม่ส่งเบอร์บัญชีให้ทนายเพื่อรับเงินมรดกรายเดือน ติดต่อแอสทริดแค่คนเดียว 

สิบปีต่อมา แอสทริดแต่งงานใหม่กับเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย แอสทริดขับรถหรูจนไปเตะตาโจรขโมยรถ หลังซื้อของเต็มรถ ขึ้นนั่ง แอสทริดลืมล็อกรถ โจรขึ้นมานั่งข้างจี้ให้เธอขับออกไปที่เปลี่ยว ยิงเธอเสียชีวิต จนคนจรจัดมาเห็น เอเมอร์กลับมางานศพ ถามแอนตันอีกเรื่องสัญญาของแม่ แอนตันกลับบอกว่าจะให้ ถ้าเอเมอร์ยอมให้เขาขายที่ฟาร์มบางส่วนเพื่อเอาไปใช้หนี้ เอเมอร์ไม่ยอมและจากไปหลังงานศพ 

ยี่สิบปีผ่านไป แอนตันติดเหล้า เล่นพนัน งานเขียนนิยายที่เริ่มมายี่สิบห้าปีแล้วไม่ไปถึงไหน ฟาร์มมีคนบุกรุกเพราะเป็นที่ว่าง บ้านหลังใหญ่ทรุดโทรมไม่มีการซ่อมแซม รายได้มรดกลดลงมากเพราะหุ้นส่วนพ่อเชิดเงินหนีออกนอกประเทศ ภรรยาเบื่อไร่และใช้เวลาแต่ละวันกับการนั่งสมาธิ วันหนึ่งเขายิงตัวตาย เอเมอร์กลับมา เธอยกไร่ให้ภรรยาแอนตันแลกกับการยกที่ให้ซาโลม เงินมรดกที่ไม่เคยรับมาสามสิบปีเธอก็ยกให้ซาโลมหมด และก็จากไปหลังทำสัญญาของแม่ให้เป็นจริง (ตอนท้ายเรื่อง เฉลยว่าที่เอเมอร์แปลกแยกเพราะตอนหกขวบเคยโดนฟ้าผ่า เกือบตาย ด้วยความที่ซาโลมดูแลเธอมาตลอดเลยผูกพันด้วยมาก ทำให้เธอเห็นใจคนยากจน จนไปทำงานเป็นพยาบาลในที่กันดาร

อารมณ์โดยรวมของหนังสือมาแบบทึบทึม แต่ไม่เน้นมากเรื่องสีผิว มุมดีคือตัวละครทุกตัวยกเว้นเอเมอร์ไม่ปกปิดสิ่งที่คิดในใจ หนังสือมีความแปลกที่ไม่ใช้เครื่องหมายคำพูดในบทสนทนาเลย คนอ่านต้องดูเอาเองว่าตรงนี้คือสิ่งที่ตัวละครพูดกับอีกคน และตรงนี้คือสิ่งที่คิดอยู่ในหัว

ชอบอีกเทคนิคที่เขียนเรื่องของคนหลายคนเป็นเชน จากแอนตัน เป็นสามีของแอสทริด มาถึงคนจรจัด อ่านแบบเพลิน เชื่อมกันได้ยังไง
จบแล้วก็หวนคิดว่าอะไรที่ทำให้ครอบครัวนี้ไปคนละทิศคนละทาง เหตุผลหนึ่งน่าจะเป็นว่า Manie รักภรรยามาก แต่ไม่มีความผูกพันกับลูก ลูกไม่มีส่วนในการบริหารไร่หรือสวนสัตว์ เขาไม่เคยแนะแนวทางการใช้ชีวิตให้ลูก ไม่มีอะไรที่สื่อว่าเขาดูแลใส่ใจลูกเป็นอุทาหรณ์ค่ะ

รีวิวเล่มอื่น ๆ

The Judge’s List …. ผู้พิพากษาโหด

ปาฏิหารย์ แมวลายส้ม

The boy in the striped pyjamas … สงครามกับความไร้เดียงสา

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ