อิทธิฤทธิ์โควิด -19 ไม่เพียงอาละวาดจนทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องปั่นป่วนเท่านั้น ยังฟาดหางใส่การเมืองและสังคมในหลาย ๆ ประเทศวิกฤติ ประเทศไทยก็โดนหางเลขไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน “พลังประชารัฐ” แกนนำรัฐบาล แม้กลุ่มสนับสนุนบิ๊กป้อมจะขับไล่กลุ่ม 4 กุมารพ้นพรรคไปได้ แต่ก็ไม่สะเด็ดน้ำ เมื่อกลุ่ม 4 กุมารงัดไม้เด็ดใช้ “หม่อมเต่าโมเดล” แม้ตัวจะหลุดจากพรรคแต่ยัง “กอดเก้าอี้รัฐมนตรี” ไว้แน่น โยนเผือกร้อนให้ “ลุงตู่” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลตัดสินใจ
ความปั่นป่วนวุ่นวายไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่พลังประชารัฐ ประชาธิปัติย์เองก็มีคลื่นใต้น้ำกดดันให้เปลี่ยนรัฐมนตรีของพรรคเช่นกัน แต่มรสุมในพลังประชารัฐรุนแรงกว่า ประชาธิปัติย์ต้องชะลอเกมกดดันในพรรคไว้ก่อน มิเช่นนั้นจะส่งให้เสถียรภาพรัฐบาลคลอนแคลนได้ ด้าน 4 กุมารแม้จะพลิกเกมด้วยการผันตัวเองเป็น “โควต้ากลาง” ของลงตู่ก็ตามแต่ ก็คงไม่รอด กลุ่มบิ๊กป้อมต้องไล่บี้ขอโควต้ารัฐมนตรีจาก 4 กุมารคืนให้ได้
แต่ที่น่าสนใจตรงที่มีกระแสข่าวว่า ลุงตู่ “เตรียมจัดทัพทีมเศรษฐกิจใหม่” โดยจะใช้สูตร “ป๋าเปรมโมเดล” คือ รัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของนายกรัฐมนตรี และจะดึงคนนอกที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจจริง ๆ มาร่วมงาน
อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร ข่าวนี้ถูกปล่อยมาระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ดร.ประสาน ไตรรัตน์วรกุล ปรีดี ดาวฉาย สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ บุญทักษ์ หวังเจริญ ปิติ ตัณฑเกษม ไพรินทร์ ชูโชติถาวร และมีข่าวว่า 2 ใน 6 ท่าน ลุงตู่เคยทาบทามตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่ ก่อนจะเกิดโควิด-19 แต่ได้รับการปฏิเสธ แต่พอเกิดวิกฤติโควิด จึงเป็นช่วงจังหวะต้องจัดทัพกันใหม่อีกรอบ
ในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นความสำเร็จในการใช้ “นักบริหารมืออาชีพ” และ “เทคโนแครต” มาช่วยงาน ที่ในยุคนั้นมี ปู่สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีคลัง เรืออากาศโทศุลี มหาสันทนะ รับผิดชอบพลังงาน ดร.อาณัติ อาภาภิรมณ์ รัฐมนตรีเกษตรฯ มี ดร.โกร่ง “วีระพงษ์ รามางกูร” เป็นที่ปรึกษานายกฯ มีเทคโนแครตมือดีอย่าง ดร.เสนาะ อูนากูล ดร.สาวิตร โพธิวิหค จากสภาพัฒน์ เป็นมือไม้ในการชับเคลื่อนงานที่คนจดจำแม่นอย่าง “โครงการอีเทิร์นซีบอร์ด”
ก็คงต้องดูว่าถึงตอนนั้น “ลุงตู่” จะผลักดัน “ป๋าเปรมโมเดล” ให้เป็นจริงได้หรือไม่เพราะเงื่อนเวลาและปัจจัยแวดล้อมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงประกอบกับ “บุคลิกผู้นำ” ป๋าเปรม มีสูงมาก รู้จักใช้คน พูดน้อย มีความเด็ดขาด จนได้รับฉายาว่า “นักฆ่าลุ่มน้ำเจ้าพระยา” ทำให้นักการเมืองร่วมรัฐบาลเกรงใจ ตรงข้ามกับบุคลิกลุงตู่อย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งพรรคการเมืองในยุคนั้นไม่มีการแบ่งขั้วกันชัดเจน ประชาชนก็ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่ายอย่างทุกวันนี้ พลเอกเปรม นั้นถูกเชิญมานั่งเก้าอี้นายกฯ จึงไม่มีปัญหาเรื่องการตั้งข้อรังเกียจในเรื่องที่มาที่ไป เหนือสิ่งอื่นใด
แม้พลเอกเปรมจะเข้ามาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำข้าวยากหมากแพง คนตกงานจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอย่างเช่นวิกฤติเศรษฐกิจในยุคโควิด-19 ที่หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี หากลุงตู่จะใช้รัฐบาลผสมอย่างทุกวันนี้ คงไม่อาจหลุดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจเที่ยวนี้ได้ จึงมีไอเดีย “ป๋าเปรมโมเดล” ผุดขึ้นมา
แต่อย่างที่กล่าวข้างต้นด้วยเงื่อนไขและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน ไม่แน่ว่ารูปแบบ “ป๋าเปรมโมเดล” จะเอาอยู่ หรือใช้จะได้ผลหรือไม่ จึงมีกระแสข่าวออกมาอีกทางหนึ่งว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังรุนแรง การเมืองในพรรคร่วมยังปั่นป่วนวุ่นวาย รัฐบาลยังทำอะไรไม่ได้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะไม่ใช่ “ลุงตู่” ก็เป็นได้ แต่จะเป็นรูปแบบ “รัฐบาลแห่งชาติ” โดยเอาคนดีมีฝีมือที่เป็นคนนอกมาบริหารประเทศ แต่ยังคงมีส.ส.ทำหน้าที่ในสภาฯ รูปร่างหน้าตา รัฐบาลแห่งชาติคล้าย ๆ กับ “รัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน” ในอดีต
เร็ว ๆ นี้คงได้เห็นว่าหน้าตารัฐบาลลุงตู่ยุคนิวนอร์มอลจะเป็นแบบไหนจะกอบกู้เศรษฐกิจจากพิษโควิด -19 ได้หรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป
ทวี มีเงิน
ภาพโดย นพฤทธิ์ กมลสุวรรณ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
-“วานร” เอฟเฟค ถึง “ดราม่ากะทิไทย”
-“ขรก.เกียร์ว่าง” แผนกระตุ้นศก.ชะงัก
-นับถอยหลัง “ตุลาฯ มหาวิกฤติ”
-“เศรษฐกิจเวียดนาม” … จะแซงไทยจริงหรือ
-อย่าเสียเวลา “ตามล่าเลข 0” จน ศก.เจ๊ง
