TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnist“เศรษฐกิจเวียดนาม” ... จะแซงไทยจริงหรือ

“เศรษฐกิจเวียดนาม” … จะแซงไทยจริงหรือ

ขณะที่ทั่วโลกต่างชื่นชมไทยในจัดการกับโควิด-19 แต่สำหรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจกลับตรงข้ามและกำลังจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด สำหรับเวียดนามอาจจะไม่มีใครกล่าวถึงมากนักกลับประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาโรคระบาดและเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน

วิกฤติโควิดปีนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตขึ้นไปได้อีกประมาณ 3.7% แต่รัฐบาลเวียดนามประกาศว่าจะได้ 5%

น่าสนใจตรงที่ท่ามกลางไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด นักธุรกิจไทยแห่ไปลงทุนในเวียดนามช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ วงเงินลงทุนกว่า 46,000 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนในไทยหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง สินค้าแบรนด์ดังแห่ย้ายฐานจากจีนไปเป็นแถว ทั้งไมโครซอฟท์ และ Apple ย้ายฐานผลิต AirPods ร้อยละ 30 ประมาณ 3-4 ล้านชิ้น ซัมซุงวางแผนย้ายการผลิต บางรุ่น พานาโซนิคก็ย้ายฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจากไทยไปเวียดนาม

จากการสำรวจของเจบิค (JBIC) พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นสนใจเข้าไปลงทุนในเวียดนามมากที่สุดอันดับ 3 รองจากอินเดีย และจีน นอกจากนี้ธนาคารโลก คาดว่า ข้อตกลง “การค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม” ทำให้จีดีพีเวียดนามขยายตัว 2.4% ส่งออกขยายตัว 12% ในปี 2573 ช่วยให้ประชาชนเวียดนามมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ชาวเวียดนามหลายแสนคนหลุดพ้นจากความยากจน

อะไรทำให้เวียดนามเนื้อหอม ใคร ๆ ก็อยากจะไปลงทุน อย่างแรกต้องบอกว่า การเมืองเวียดนามนิ่ง รัฐบาลมีเสถียรภาพมั่นคง ผู้นำมีวิสัยทัศน์ตัดสินใจรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น รัฐบาลเวียดนามได้รื้อกฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนให้มีความคล่องตัวขึ้น แรงงานขยัน ค่าแรงถูก มีแรงงานวิศวะ และไอทีที่มีคุณภาพเพียงพอรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ที่สำคัญนักลงทุนมองว่าเวียดนามเป็นประเทศมีอนาคต ประชากร 97 ล้านคนเป็นคนหนุ่มสาวที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปี เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ แรงงานหนุ่มสาวเหล่านี้อยู่ในวัยจับจ่ายใช้สอยเริ่มขยับฐานะเป็น “คนชั้นกลาง” เวียดนามจึงมีชนชั้นกลางค่อนข้างใหญ่ ทำให้มีกำลังซื้อสูง

อาวุธลับอีกอย่าง คือ ชาวเวียดนามที่อพยพไปอยู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งในยุโรปและอเมริกา เริ่มมีฐานะดี ก็จะส่งเงินกลับประเทศมาให้ญาติ ๆใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ ราว ๆ 5 แสนล้านบาท เป็นอีกแรงขับที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวียดนามได้เป็นอย่างดี

เหนือสิ่งอื่นใดการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเวียดนามจะเน้นให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง อย่างวิกฤติโควิด-19ครั้งนี้ รัฐบาลไม่มีนโยบายแจกเงินเยียวยาแบบหว่านแหเหมือนบ้านเรา แต่จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจหาคนจนแล้วเข้าไปช่วยคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้จริง ๆ ทำให้ใช้เงินน้อย รัฐบาลไม่ต้องกู้จึงไม่มีหนี้ให้เป็นภาระของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ขนาดเศรษฐกิจไทยกับเวียดนาม จากข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่า ไทยยังทิ้งห่างเวียดนาม 2 เท่า โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 16.6 ล้านล้านบาท ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 19,300 บาท อัตราการเติบโตย้อนหลังสิบปีประมาณ 3.5% ขณะที่เวียดนาม มีขนาดเศรษฐกิจ 8.1 ล้านล้านบาท ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 6,800 บาท อัตราการเติบโตย้อนหลังสิบปีประมาณ 6%

แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้ขนาดเศรษฐกิจจะต่างกันถึง 2 เท่า แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามก็ทิ้งห่างไทย 2 เท่าตลอดหลายปี หากหลังวิกฤติโควิด-19 ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เวียดนามยังคงโตปีละ 6% ส่วนไทยก็ยังคงโตปีละ 3.5% ไปเรื่อย ๆ โอกาสที่ “เวียดนามจะแซงไทย” ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี

กลับกันหากเวียดนามเศรษฐกิจเติบโตในระดับ 7-8 % อย่างในอดีต และไทยยังติดกับดักการเมืองอย่างนี้ การศึกษายังล้าหลัง เศรษฐกิจไม่ขยายตัว อย่างปีนี้คาด – 8% และปีต่อไปเติบโตปีละไม่เกิน 3 % เรื่อย ๆ โอกาสที่เวียดนามหายใจลดต้นคอไทยคงไม่ยาก แม้จะไม่ง่ายก็ตาม เพราะเวียดนามก็มีจุดอ่อนหลาย ๆ อย่าง ทั้งพึ่งพาการส่งออก 90% ยิ่งขนาดเศรษฐกิจใหญ่ขึ้นก็จะไม่มีแรงงานราคาถูกอีกต่อไป อัตราการเติบโตก็ไม่เป็นอย่างทุกวันนี้

แต่ก็อย่าชะล่าใจ เพราะเป้าหมายเวียดนามคือแซงไทยในทุกเรื่องให้ได้

ทวี มีเงิน

ภาพ อศินา พรวศิน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

-อย่าเสียเวลา “ตามล่าเลข 0” จน ศก.เจ๊ง
-จับสัญญาณ “แบงก์ชาติ” วิกฤติ ศก. “หนักกว่าที่คิด”
-การเมือง “Old Normal” ซ้ำเติม “วิกฤติเศรษฐกิจ”
-พิรุธ “เสือหิว” จ้องถลุงงบฟื้นศก.4 แสนลบ. “ชงเองกินเอง”
-เงินล่องหน … กับ New Normal

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ