TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessWork from Home จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ธุรกิจในอนาคตอย่างไร

Work from Home จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ธุรกิจในอนาคตอย่างไร

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ตอนนี้เริ่มคลี่คลาย เริ่มสบายใจกันบ้างว่าไม่มีเคสใหม่เกิดขึ้นเลย หลาย ๆ บริษัท เริ่มที่จะให้พนักงานกลับไปทำงานกันแล้ว แต่ก็มีอีกหลาย ๆ บริษัทที่ยังให้พนักงานทำงานอยู่กับบ้าน โดยเฉพาะบริษัทด้านไอที เทคโนโลยี ที่เน้นการทำงานผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่บางบริษัท สู้ค่าเช่าตึกไม่ไหวก็เลิกเช่า ให้พนักงานทำงานอยู่กับบ้านก่อน และค่อยคิดหาทางกันใหม่

เทรนด์ทำงานอยู่กับบ้าน หรือ Work From Home คงจะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการทำงานของคนในยุคหลังโควิด-19 และถึงแม้ว่าโรคระบาดจะหมดลงแล้ว แต่ความคุ้นชินกับการทำงานอยู่กับบ้าน ลดเวลาการเดินทางได้ถึงวันละ 2-4 ชั่วโมง ก็คงทำให้หลาย ๆ บริษัทคงจะพิจารณาในการให้พนักงานทำงานอยู่กับบ้าน เหมือนกับบริษัทชั้นนำของโลกหลายบริษัท ที่มีแอคชั่นในเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Square, Shopify หรือ Box

อย่าง Shopify กับ Box ตอนนี้ปิดบริษัทยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะสามารถจะกลับมาเปิดออฟฟิศได้ตามปกติก็คงจะเป็นปีหน้ากันเลย และจะอนุญาตให้พนักงานที่สมัครใจสามารถทำงานอยู่กับบ้าน ขณะที่ Twitter บอกว่าการทำงานอยู่กับบ้านก็พิสูจน์แล้วว่าประสิทธิภาพของงานไม่ได้ด้อยลงเลย กลับจะดีกว่าด้วยซ้ำไป

ส่วน Facebook ซีอีโอหนุ่ม บุคคลที่ทรงอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในโลกธุรกิจโซเซียลมีเดีย “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” บอกว่าตามแผนของ Facebook ภายใน 5-10 ปี จะเพิ่มการทำงานอยู่กับบ้านของพนักงานให้ถึง 50%

นอกเหนือจากการเลี่ยงปัญหาของโรคระบาดแล้ว มาร์ค บอกว่าการที่ให้พนักงานสามารถทำงานอยู่กับบ้าน จะเป็นการขยายการว่าจ้างพนักงานได้มากขึ้น เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาอยู่ในเมือง ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน และพนักงานก็จะมีความแตกต่างมากขึ้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย อยู่ในชุมชนที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ก็จะได้แนวคิดใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปด้วย และยังเป็นกระจายรายได้ออกไปสู่ชุมชนด้วย

วิธีคิดของซีอีโอ แห่ง Facebook น่าสนใจมากทีเดียว ที่ผ่านมาเราจะมอง Work from Home ว่าเป็น New Normal แต่ยังไม่ได้เชื่อมโยง หรือ มองให้ลึกลงไปอีก

เพราะปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศ ประชาชนก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อที่จะหางานทำ แต่การทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่เพียงสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ แต่ยังทำให้ไปช่วยจัดการปัญหาของการทิ้งผู้สูงอายุ หรือ เด็ก ไว้เพียงลำพังได้ด้วย แถมยังลดความแออัดของสังคมเมืองได้เป็นอย่างดี…

“Work from Home จึงอาจจะเป็นแนวทางของการกระจายรายได้สู่ชุมชน ได้ตรงจุดมากที่สุดก็เป็นได้”

ในแง่ของสิ่งแวดล้อม การทำงานอยู่กับบ้าน นอกจากลดการเดินทางไปทำงาน ทำให้ท้องถนนโล่ง ยังช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศด้วย ซึ่งจะได้เห็นว่ามีการนำภาพบรรยากาศโลกที่สะอาดขึ้น มานำเสนอผ่านทางออนไลน์กันมากมาย อย่างในอังกฤษ จะมีข้อมูลของศูนย์นิเวศน์วิทยาและอุทกวิทยา ระบุว่ามลพิษในเมืองใหญ่ ๆ ของอังกฤษลดลงถึง 60% ขณะที่นครลอนดอน ก็พบว่าปริมาณก๊าซไนโตรเจน ไดอ็อกไซด์ ที่มีผลกระทบต่อปอดก็ลดลงถึง 20-24% ซึ่งแนวโน้มนี้ก็คงไม่ต่างจากหลายประเทศอย่างจีน ที่สถานการณ์นี้ ทำให้สภาพอากาศของจีนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด… แล้วในแง่ของธุรกิจ Work from Home ส่งผลอย่างไรบ้าง

เทรนด์ Co-working space จะไปต่อ หรือ พอแค่นี้

เมื่อพูดถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน หนีไม่พ้นธุรกิจที่ก่อนหน้านี้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมาก ๆ อย่างเช่นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้เช่าพื้นที่ในลักษณะ Co-working space หลายคนคิดว่าโควิด-19 อาจจะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ไปไม่รอด…

จะเห็นได้ว่า บริษัทที่ทำธุรกิจ Co-working space สั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด อย่าง WeWork ที่รายได้ในไตรมาสแรกลดลงครึ่งหนึ่ง และต้องสูญเสียเงินสดหมุนเวียนไปมากถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง ขณะที่สำนักงานที่เกาหลีใต้ ล่าสุดก็ต้องเลิกจ้างพนักงาน และมีความเป็นไปได้ว่า WeWork อาจจะต้องยุติการดำเนินธุรกิจในเกาหลีใต้ลงทั้งหมด

แต่ยังมีแนวคิดอีกด้านว่าธุรกิจ Co-working space อาจจะยังไปต่อได้ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการถกของบรรดาบริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของอินเดีย ผ่านจัดสัมมนาออนไลน์ ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ว่านักธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าธุรกิจ Co-working space จะยังไปต่อได้หลังโควิด-19 ซึ่งในขณะนี้บรรดาเจ้าของตึกและอาคารพาณิชย์ เริ่มเปิดพื้นที่ให้มีการเข้ามาแชร์พื้นที่การใช้งานบ้างแล้ว

โอชิคค้า ลัมบ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง FindMyCowork ในอินเดีย เล่าให้ฟังว่าตอนนี้การทำงานแบบเดิม ๆ ในการเช่าพื้นที่ หรือ ซื้ออาคารออฟฟิศกำลังเปลี่ยนไป โดยปัจจุบันมีความต้องการในลักษณะของ Co-working space มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเมืองรอง ๆ เพราะค่าใช้จ่ายของการทำออฟฟิศสูงทีเดียว

โอชิคค้า บอกว่า การทำงานอยู่กับบ้านก็ดี แต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้กับทุกบริษัท บางบริษัทก็ยังคงอยากให้พนักงานเข้ามาทำงาน แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปสำหรับในอินเดียก็คือการหันมาใช้ Co-working space มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ขณะที่ อันคูร์ พาเทียนี ผู้อำนวยการของบริษัท Urbania Spaces ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันและบอกว่าแนวโน้มในอนาคตที่จะตอบโจทย์การทำงานก็คือ “Walk to Work” คือการที่สามารถเดินไปทำงานได้ ดังนั้น Co-working space สามารถที่จะรองรับการทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้

แนวโน้มของทิศทางธุรกิจ Co-working space ในอินเดีย อาจจะแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เพราะปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน ทั้งสถานการณ์และวิธีคิด… ซึ่งถึงจุดนี้ ก็อาจจะยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ธุรกิจ Co-working space จะไปต่อ หรือ พอแค่นี้

อย่างไรก็ตาม สภาพสังคมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากปัญหาโควิด-19 ก็ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมองถึงโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากเทรนด์ Work from Home

ที่มาข้อมูล: edition.cnn newindianexpress

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

-เทคโนโลยีไร้สัมผัส ไร้อาหารปนเปื้อน
-เงินล่องหน … กับ New Normal
-Zoom เข้ามา…ดูให้ชัด
-TikTok จะครองโลก

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ