TH | EN
TH | EN
หน้าแรกInterviewพันธกิจ ‘บ้านปู เน็กซ์’ ... พลังงานสะอาด ต้องใช้อย่างฉลาด

พันธกิจ ‘บ้านปู เน็กซ์’ … พลังงานสะอาด ต้องใช้อย่างฉลาด

พลังงานสะอาด เป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยองค์กรใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านพลังงานต่างต่อยอดเรื่องนี้ ‘บ้านปู เน็กซ์’ บริษัทในเครือบ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่พยายามขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมเกิดขึ้น ที่ไม่ใช่แค่ Business Driven เพียงอย่างเดียว แต่มี Passion จากคนทั้งองค์กร

ชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส -บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (Banpu NEXT) กล่าวกับ The story Thailand ว่า ตอนนี้จะเห็นเทรนด์ของธุรกิจพลังงานสะอาดที่เรียกว่า 3D Trend คือเรื่องของ Decarbonization, Digitalization และ Decentralization ดังนั้น จุดยืนด้านนโยบายหลักขององค์กรที่มีจึงสอดรับกับเทรนด์ที่เกิดขึ้นชัดเจนคือ Greener, Smarter และFaster โดยใช้จุดแข็งที่บ้านปู เน็กซ์มีคือ 5 Solutions + 1 Platform

เริ่มต้นด้วยโซลูชันตัวแรก คือ ฉลาดวิเคราะห์ จากนั้นเป็น ตัวที่สองคือ ฉลาดผลิต ก็จะได้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ได้พลังงานสะอาดทั้งหลายเข้ามาเป็นตัวที่สามคือ ฉลาดเก็บ ที่เอาพลังงานมากักเก็บในแบตเตอรี่ และส่งมายังตัวที่สี่คือ ฉลาดใช้ และตัวที่ห้าคือ ฉลาดหมุนเวียน ส่วนบวกหนึ่งแพลตฟอร์ม จะเป็นส่วนรวบรวมเอาข้อมูลจากโซลูชนต่าง ๆ มาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนขึ้น

โดยสัดส่วนหลักในโซลูชันที่ทำตอนนี้ คือ ฉลาดผลิต รองลงมาจะเป็นฉลาดใช้ คือ E-Mobility ซึ่งมองว่า E-Mobility ยังขยายได้อีก ควรจะเป็น New S-Curve ได้ ส่วนฉลาดเก็บเป็นกระดูกสันหลังของเรื่องการบริหารพลังงาน เพราะสามารถที่จะเลือกใช้ไฟตอนไหน หรือจะเก็บไฟไปก่อน ซึ่งเรามีบริษัทในเครือชื่อ Durapower เป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่รองรับ

อีกทั้งมองว่า การใช้พลังงานสะอาด จะต้องใช้พลังงานอย่างฉลาด สมัยก่อนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ติดตั้งโดยไม่ได้วิเคราะห์ก่อนว่าองค์กรนั้น ๆ มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ใส่ในอุปกรณ์ก็ทำให้เกิดการวิเคราะห์ที่ฉลาดขึ้น ส่งผลให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพมากตามไปด้วย

ทั้งนี้บ้านปู เน็กซ์ ก่อตั้งขึ้นมาประมาณ 4 ปีแล้ว ช่วงสองปีหลังที่ผ่านมา สิ่งต่าง ๆ ที่องค์กรเริ่มทำตั้งแต่ต้นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเชื่อว่าการพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องแนวคิด Smart City ของประเทศไทยได้

“ตอนนี้สิ่งที่เราทำอยู่มีอย่างน้อย 3 Pillars จากทั้งหมด 7 Pillars ของ Smart City คือ Smart Energy, Smart Transportation และ Smart Environment เพราะฉะนั้นเราคิดว่านี่คือ Value Preposition ของเรา มองว่าสิ่งที่จะสะท้อนเป็นผลกระทบต่อไปคือเรื่องเศรษฐกิจ Smart Economy และ Smart Living ดังนั้นใน 7 Pillars เราเชื่อว่าโซลูชันของเราจะทำได้ถึง 5 Pillars ที่เป็นผลลัพธ์ทางสังคมต่อ Smart City ของไทยได้”

เขาเล่าต่อว่า เมื่อทำสำเร็จในไทยได้แล้ว สามารถคัดลอกโมเดลเดียวกันนี้ไปทำต่อในต่างประเทศได้ ซึ่งบ้านปูมีเครือข่ายใน 10 ประเทศ โดยมีออฟฟิศอยู่ในญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา เป็นต้น จะเห็นว่าประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมาก อีกทั้งนโยบายภาครัฐในต่างประเทศมีส่วนช่วยอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศกลุ่มนี้ก้าวไปข้างหน้าได้ไว เช่น ที่ญี่ปุ่นเรื่อง Consumer-to-Consumer (C2C) Energy Trading มีการสนับสนุนให้เกิดขึ้นมานานแล้ว

ส่วนในประเทศไทยช่วงต้นปีนี้ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้กำหนดแผนงานในเรื่องของ Collaboration of Change หรือ C4C แล้ว ต่อไปก็จะได้เห็นการขับเคลื่อนเรื่อง Grid Modernization หรือ Smart Grid ที่สามารถเปิดขายไฟฟ้าสะอาดได้แล้ว ซึ่งทำให้ไทยเริ่มเข้าไปอยู่ในยุคที่เห็นความสำคัญของพลังงานสะอาดมากขึ้น ที่จะต้องหมุนไปตามกระแสโลกที่เข้ามาด้วย

ต่อไปการค้าขายไปยุโรป มีประกาศ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งการส่งของไปขายในยุโรปต้องมีเรื่องเกี่ยวกับภาษีคาร์บอน โดยทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศไทยจะละเลย เพราะอย่างน้อยต้องพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก ในทางตรงกันข้ามภาคการท่องเที่ยวเองถึงยังไม่ฟื้นฟูก็ตาม แต่จะเห็นว่ามีหลายโรงแรมที่เดิมทีไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เขานำตัว Microgrid ของบ้านปู เน็กซ์ไปติดตั้ง

“เราถามเขาว่า ทำไมถึงอยากเอาไปติดตั้ง สิ่งที่เขาบอกเลยคือเรื่องความคุ้มค่า ระหว่างเครื่องปั่นไฟกับพลังงานแสงอาทิตย์ใส่แบตเตอรี่แล้วมาจ่ายค่าไฟให้กับรีสอร์ทยังไงก็คุ้มกว่า ถึงตอนนี้คุ้มไม่มาก แต่ก็ยังถูกกว่า Diesel Generator และสองคือเขาเคลมได้ว่าเป็นรีสอร์ท Greener ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปเข้ามาได้ดี เพราะกลุ่มที่ใส่ใจเรื่องพลังงานสะอาดมีอยู่ และสามเขาสามารถเพิ่มมูลค่าของห้องพักได้ ซึ่งนี่เป็น Ecosystem ที่เราเองภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ในการขับเคลื่อน”

3 มิติ ขับเคลื่อนธุรกิจ

เขามองว่า การดำเนินธุรกิจต้องสร้างการเติบโตได้จริง ต้องมองอย่างมีมิติใน 3 เรื่อง ได้แก่

  1. ต้นทุนที่ต้องเป็นไปได้ซึ่งตอบโจทย์ทั้งบ้านปู เน็กซ์และผู้ประกอบการ
  2. เทคโนโลยีที่ต้องอัพเกรดตลอดเวลา โดยมีทีมงานในส่วน IoT และ IT ซึ่งโซลูชั่นที่ถูกซื้อไปใช้จะถูกอัพเดทอัตโนมัติ
  3. เรื่องของความแตกต่าง ซึ่งพยายามสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นทางผู้บริโภคโดยตรงหรือกลุ่มคู่ค้า

โดยสัดส่วนความต้องการการใช้พลังงานสะอาดตามมาตรฐานทั่วไปแล้ว ควรใช้พลังงานสะอาดอยู่ที่ประมาณ 25% ประเทศไทยใช้อยู่ประมาณไม่ถึง 10% ซึ่งมองว่าส่วนนี้ยังมีพื้นที่ให้สร้างการเติบโตขึ้นได้อีก

ทั้งนี้เขาอธิบายว่า บ้านปู เน็กซ์ มองแบบแยกส่วนออกเป็นความต้องการใช้พลังงาน โดยกลุ่มที่ใช้มากที่สุด คือ ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งคมนาคม ส่วนภาคครัวเรือน ภาคเกษตรใช้ค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นในเชิงอุตสาหกรรม แน่นอนว่าลูกค้าใช้ Solar Farm, Solar Float และ Solar Roof ซึ่งจะเห็นว่าลูกค้าเริ่มเข้ามาใช้มากขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2564 บ้านปู เน็กซ์มีลูกค้าติดต่อเข้ามาประมาณ 200 ราย มากกว่าปี 2563 ที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 140 ราย ส่วนกลุ่มคมนาคมขนส่ง เป็นส่วนที่ใช้พลังงานค่อนข้างมากเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนี้รัฐบาลมีการสนับสนุนมากขึ้น เช่น เรื่องรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า หรือ EV

ส่วนเรื่อง Smart Transportation มีการทำทั้งทางบกและทางน้ำเจาะกลุ่มชัดเจน โดยทางน้ำมีเรือไฟฟ้าสำหรับท่องเที่ยว 1 ลำ มีการเปิดตัวช่วงปี 2563 ที่จ.ภูเก็ต บรรจุได้ประมาณ 90-120 คน ส่วนทางบกเป็นลักษณะ Micro transit คือ ‘MuvMi’ รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้ความสะดวกสบาย ซึ่งสอดรับกับแผนผังถนนในประเทศไทยที่เป็นลักษณะก้างปลา ไม่ได้เป็นวงกลม นอกจากรับส่งคนแล้ว ยังมีการรับส่งสิ่งของด้วยในแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งมองว่าในภาคขนส่งจะเริ่มขยายมากขึ้น ทั้งในส่วนพื้นที่จุดรับส่งที่ตอนนี้มีอยู่ 1,800-2,000 แห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป้าหมายของปี 2568 จะขยายเป็น 4,000-5,000 แห่ง และรถสามล้อจากเดิมมี 120 คัน เพิ่มเป็น 1,000 คัน

โดยมีการติดตั้ง Charging Station เพื่อรองรับ MuvMi และกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าทั่วไปด้วย ซึ่งเจ้าของพื้นที่ที่ให้ติดตั้งจะได้รับในส่วนของค่าไฟฟ้าที่รถเข้ามาใช้งาน ซึ่งบ้านปู เน็กซ์เข้าร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพ EVolt ตอนนี้มีจุดให้บริการ 300 แห่ง นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการทำพาร์ทเนอร์กับสตาร์ตอัพ HAUPCAR ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้เช่ารถ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนจุดให้บริการ 500 แห่ง มีรถที่เป็นทั้งเติมน้ำมันและ EV จำนวนรวม 1,500 คัน

สำหรับการทำตลาดในภาคครัวเรือนนั้น เขามองว่า ยังคงเป็นต้นทุนสูงที่ในภาคครัวเรือนจะรับได้ โดยส่วนใหญ่กลุ่มนี้ใช้ไฟฟ้าตอนกลางคืน ถ้าติดตั้งโซล่าเซลล์ก็จะใช้ในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น แต่ในช่วงเวลากลางคืน จำเป็นต้องมีตัวแบตเตอรี่เข้าไปเก็บพลังงานไว้ ซึ่งราคาแบตเตอรี่ยังคงสูง ทำให้กลุ่มนี้มองว่าไม่คุ้มค่าในการลงทุน ส่วนภาคเกษตรนั้นสิ่งที่บ้านปู เน็กซ์ ทำอยู่คือ smart farming

“ในส่วนภาคเกษตรเราไม่ได้ทิ้ง เพราะต้องยอมรับว่าเมืองไทยเป็นเมืองเกษตร เกษตรกรหลายที่เริ่มใช้โดรน มีการใช้ไฟฟ้า ซึ่งเรามีโซลูชัน e-PromptMove เหมือนกับนำพาวเวอร์แบงค์ใหญ่ ๆ บวกกับพลังงานจากแสงอาทิตย์ จากแผงรับพลังงาน เข้าไปช่วยเติมเต็มในส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีไฟฟ้าฟ้าใช้”

ส่งต่อ “เลือดบ้านปู” สู่คนรุ่นใหม่

เขามองว่า สิ่งที่ท้าทายจริง ๆ คือ การที่องค์กรต้องสร้างคนรุ่นใหม่เข้ามาสืบทอดให้เป็น from generation, to generation เป็นเลือดบ้านปู โดยมี core value ที่เรียกว่า Banpu Heart เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนรวดเร็วไม่เหมือนสมัยก่อนที่ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ทุกคนต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง บ้านปูจึงมีแนวคิดเรื่อง Agile Team ทำให้ปรับเข้าสู่สังคมในยุค Metaverse ได้ดีทีเดียว

คนบ้านปูจริงๆ เป็นคนที่น่ารักและทันสมัยถึงจะเป็นบ้านปูเดิมก็ยังมีความทันสมัย และผู้บริหารมีนโยบายชัดเจน อย่างบ้านปู เน็กซ์ เป็นแบบ renewable พลังงานสะอาด 100% ดังนั้นเมื่อทิศทางชัดเจนทำให้เราทำงานง่าย”

บ้านปู เน็กซ์ มีการตระหนักรู้เรื่องความยั่งยืนที่ต้องอยู่ร่วมกับเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบ้านปูเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Dow Jones Sustainability Index มา 8 ปีแล้ว เป็นหลักฐานชัดเจนเรื่องของความใส่ใจในความยั่งยืน โดยมีการปลูกฝังในระดับองค์กรแล้วไหลลงไปในระดับบุคคล ซึ่งไม่ได้ทำงานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนมี Passion ซึ่งการสร้างความยั่งยืนในการทำ Environment Social and Governance หรือ ESG ถ้าไม่ได้พนักงานที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำ ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

บทสัมภาษณ์อื่น ๆ

พันธกิจ “โออาร์” ภายใต้แนวคิด Inclusive Growth

“นิพนธ์ บุญเดชานันทน์” ซีอีโอ WHAUP ตั้งเป้ายืนหนึ่งผู้นำตลาดพลังงานสะอาดแห่งภูมิภาคเอเชีย

“อินเนส คาลไดรา” กับ พันธกิจ “ลอรีอัล” ผสานเทคโนโลยีกับความงาม สู่ผู้นำตลาดยุคดิจิทัล

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ