TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyNIA เดินหน้าหนุนแผนสมาร์ทซิตี้ เล็งกระจายโอกาสสู่ภูมิภาคยกระดับระบบนิเวศไทย

NIA เดินหน้าหนุนแผนสมาร์ทซิตี้ เล็งกระจายโอกาสสู่ภูมิภาคยกระดับระบบนิเวศไทย

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติประกาศเดินหน้าสนับสนุนการสร้างสมาร์ตซิตี้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ตั้งเป้าเล็งกระจายโอกาสพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งครอบคลุมถึง Deep Tech สู่ภูมิภาค รองรับแนวโน้มคนหนุ่มสาวหวนคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิด ควบคู่กับการยกระดับนวัตกรรมเตรียมความพร้อมระบบนิเวศไทยรองรับสตาร์ตอัพ 

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2565 ที่ตั้งเป้ามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ของโลก เพื่อให้ไทยก้าวทันเมกะเทรนด์โลก และสอดรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้ก้าวเขาสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้ ดร.พันธุ์อาจ กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา นวัตกรรมไทยมีการเติบโตที่ดีมากขึ้น โดยการเติบโตที่เห็นได้ชัดประการแรกคือ เทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) ที่กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการสร้างศักยภาพทางการแข่งขันและความเปลี่ยนแปลงในบริบทปัจจุบัน 

นอกจากนี้ ปี 2564 ยังเป็นปีแรกที่ NIA ริเริ่มโปรแกรมสนับสนุนนวัตกรรมฐานเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep-tech Innovation) ในกลุ่ม 6 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการแพทย์ (MedTech) เทคโนโลยีด้านอาหาร (FoodTech) เทคโนโลยีการเกษตร (AgTech) เทคโนโลยีอวกาศ (SpaceTech) เทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defense Tech) และเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (ARI-Tech) โดยเน้นการทำงานร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี รวมทั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงงานวิจัยเชิงลึกให้ไปสู่การพัฒนาเป็น “ธุรกิจนวัตกรรม” ภายใต้การสนับสนุนจากภาคเอกชน 

ขณะเดียวกัน ทาง NIA ยังจัดเตรียมแผนสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ เหล่าสตาร์ตอัพ ที่พัฒนานวัตกรรมบนฐานนวัตกรรม หรือ Innovation-based enterprise (IBE) ให้สามารถพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีเชิงลึกที่สามารถตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของอนาคตได้ 

“NIA มุ่งส่งเสริมให้สตาร์ตอัพไทยเริ่มผันตัวเองเข้ามาทำดีพเทคผ่านโครงการส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกระดับภูมิภาค (Deep-Tech Regionalization) ซึ่งเป็นการกระจายองค์ความรู้ นวัตกรรมไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศมากขึ้น และได้ร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC เช่น บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) สยามคูโบต้า บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ฯลฯ จัดกิจกรรมบ่มเพาะสตาร์ตอัพเทคโนโลยีเชิงลึกกลุ่ม ARI-Tech จำนวน 10 ราย โดยเปิดโอกาสให้ได้ทำงานร่วมกันในลักษณะการร่วมรังสรรค์ (Co-Creation) ผ่านกิจกรรม NIA Deep Tech Incubation @EEC ซึ่งในช่วงระยะเวลา 5 เดือน เกิดการลงทุนกับสตาร์ตอัพอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ Alto Tech และ MoveMax ทำให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า 300 ล้านบาท และยังมีสตาร์ตอัพอีก 2 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนต่อไป” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว 

ทั้งนี้ NIA ยังตั้งเป้าหมายให้มีบริษัทที่สามารถจดทะเบียนเป็นบริษัทดีพเทคได้ประมาณ 100 รายภายในปี 2566 ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่มีศักยภาพในการเป็นดีพเทค 60 ราย รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนใน Foodtech Startup ผ่านโครงการ SPACE – F ที่ดำเนินการร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เบทาโกร จำกัด บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากการให้ความสำคัญกับ Deep-Tech แล้ว NIA ยังให้ความสำคัญกับแผนการสร้างสมาร์ท ซิตี้ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่เมืองหรือพื้นที่ย่านที่ดำเนินการอยู่ 12 ย่าน รวมถึงภาคเหนือตอนบน 11 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 12 จังหวัด มีภาคีอยู่ทั้งหมด 217 ภาคีทั้งในส่วนรัฐ ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาและสถาบันการวิจัย มีนวัตกรในเครือข่ายประมาณ 12,000 คน โดยมีย่านน้องใหม่คือ “ย่านนวัตกรรมอารีย์” ที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยี ARI (AI, Robotics, and Immersive Technology) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทโทรคมนาคม หน่วยงานราชการที่ทำเรื่องของดิจิทัล และเอกชน

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวว่า การกระจายโอกาสการเข้าถึงนวัตกรรมในระดับภูมิภาคจะเน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละย่านเป็นหลัก เช่น การให้เทศบาลและประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบผังย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหารแม่โจ้ และย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการร่วมกับเทศบาลต่างๆ ในการสร้างพื้นที่สาธารณะในลักษณะของย่านนวัตกรรม ซึ่งต้องมีพื้นที่ทดลอง (Innovation Lab) ที่บริหารจัดการโดยหน่วยงานท้องถิ่น ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและเอกชน รวมถึงการจัดตั้ง Startup Global Hub ที่ให้บริการข้อมูลธุรกิจ การจัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย การให้สมาร์ทวีซ่ากับชาวต่างชาติ ที่ทำงานด้านนวัตกรรมในประเทศ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับเมืองและระดับจังหวัด

“สิ่งสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน โดยการส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพในพื้นที่ผ่าน “นิลมังกรแคมเปญ” เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอี สตาร์ตอัพ และกิจการเพื่อสังคมในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านนวัตกรรมระดับภูมิภาค โดย NIA มุ่งหวังว่า 20 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 3 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขายรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 630 ล้านบาท พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้เพิ่มขึ้นประมาณ 30%” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว

ด้วยความพยายามและความร่วมมือจากทุกฝ่าย ดร.พันธุ์อาจ ยังใช้โอกาสนี้เผยข่าวดีของผลการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ตอัพโลก ประจำปี 2564 (Global Startup Ecosystem Index 2021) ที่ประเทศไทยสามารถครองอันดับที่ 50 ของโลก และมีถึง 4 เมืองที่ติดอันดับ 1,000 เมืองที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดโลก โดยกรุงเทพสามารถกระโดดขึ้น 19 อันดับจากอันดับ 90 มาอยู่ในอันดับที่ 71 เนื่องจากความโดดเด่นในเรื่องของอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีค้าปลีก ขณะที่อีก 3 เมืองคือ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 397 จังหวัดภูเก็ตที่ 442 (จากอันดับเดิมที่ 870) และสุดท้ายเมืองน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาติดอันดับเป็นปีแรกคือพัทยาในอันดับที่ 833 

นอกจากแง่มุมนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจแล้ว NIA ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับ 4 กลุ่มหลัก คือ เอกชน ภาครัฐที่เป็นรัฐบาลส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา-สถาบันวิจัย และประชาสังคม ในการพัฒนา “นวัตกรรมสังคม” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดยากจน เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ผ่านโครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคมที่อาศัยรูปแบบกลไกการขยายผลนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งด้วยนวัตกรรมรูปแบบต่าง ๆ ที่มีการพัฒนาต้นแบบหรือโมเดลที่สำเร็จแล้วร่วมกับองค์กรเครือข่ายขนาดใหญ่ หรือหน่วยงานระหว่างประเทศ ให้สามารถกระจายสู่ชุมชนหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

“ปีที่ผ่านมาเกิดนวัตกรรมพร้อมใช้งานจำนวน 89 ผลงาน ใน 11 จังหวัด มีผู้ได้รับผลประโยชน์ 44,568 คน สร้างให้เกิดมูลค่าผลลัพธ์เชิงสังคมรวม 196.56 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมรายสาขาและโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมสำหรับเมือง ที่กำหนดโจทย์ปัญหาสำหรับนวัตกรรมเพื่อใช้ในเมืองและสร้างต้นแบบการแก้ปัญหาที่เกิดจากการขยายตัวของสังคมเมือง” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว 

ขณะเดียวกัน การให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คน” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ NIA ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะ กลุ่มเยาวชน ที่ NIA ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการวางรากฐานระบบการศึกษาเพื่อให้เกิดสังคมใหม่ที่มีแนวคิดด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแนวทางจัดการเรียนรู้สมัยใหม่ที่เรียกว่า STEAM4INNNOVATOR ขึ้น โดยเป็นกระบวนการหลักที่ใช้ในการพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมสำหรับกลุ่มเยาวชน ที่เน้นการบูรณาการเรื่องการพัฒนาศักยภาพด้านธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการเข้ากับความรู้ความเข้าใจทางด้าน STEAM ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) ศิลปศาสตร์ (Arts) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) เพื่อให้เยาวชนสามารถประยุกต์และสร้างสรรค์ผลงานบนพื้นฐานของศาสตร์ต่าง ๆ และมีมิติของการประกอบธุรกิจนวัตกรรมร่วมอยู่ด้วยได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อสร้างสังคมนวัตกรรมและวัฒนธรรมของการสร้างสรรค์ขึ้นในประเทศไทย

“ปัจจุบันได้รับการยอมรับและถูกนำไปขยายผลอย่างแพร่หลายในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษามากกว่า 50 แห่ง นักเรียนมากกว่า 10,000 คน ได้รับการถ่ายทอดผ่านการเรียนการสอนในห้องเรียน รวมถึงได้พัฒนาโครงการอบรมคุณครู (Trainer’s Lab) เพื่อให้สามารถนำไปใช้พัฒนาเยาวชนต่อไป ซึ่งเยาวชนที่ผ่านกระบวนการดังกล่าวสามารถต่อยอดเกิดเป็นธุรกิจนวัตกรรมได้จริง เช่น ผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์จากโปรตีนพืช “Paepo Meat” จากวิสาหกิจชุมชนจังหวัดนราธิวาส โรงเรือนเพาะเห็ดแบบเคลื่อนที่ จาก FutureFarm agriculture innovation หุ่นยนต์ยานพาหนะตรวจตราอัจฉริยะสำหรับการจับกุ้ง “Volta” และผลงาน “TAOYAA (ต้าวหยะ)” แอปพลิเคชั่นสำหรับเป็นตัวกลางระหว่างคนที่จะขายขยะกับร้านที่รับซื้อขยะ โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นไรเดอร์ ของนักเรียนมัธยม โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา ซึ่งจะนำร่องใช้ในตำบลเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต และมีแผนขยายไปใช้ในจังหวัดอื่นต่อไป” ดร.พันธุ์อาจ ระบุ

นอกจากนี้ NIA ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ผ่านโครงการ Startup Thailand League ซึ่งในปีนี้ มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 40 แห่งทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน มีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 48,000 คน มีทีมนักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันไอเดียธุรกิจสตาร์ทอัพ 400 ทีม และมีนักศึกษาที่ผ่านการอนุมัติ และได้รับเงินสนับสนุนในการจัดทำผลงานต้นแบบ 200 ทีม เงินรางวัลรวมกว่า 5 ล้านบาท โดยมีผลงานเด่นคือ ทีม Erythro-Sed จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคุมคุณภาพของเครื่องตรวจวัดอัตราการตกตะกอนเม็ดเลือดแดง (ESR) และการตรวจประเมินความชำนาญทางผู้ปฏิบัติการในการตรวจ ESR , ทีม Theeotech จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นเว็บแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสื่อสร้างคำบรรยายภาษามือได้ด้วยตัวเอง และทีม Perm จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ที่ต้องการข้อมูลไปเทรน machine learning กับผู้ที่มีข้อมูลอยู่ในมือในรูปแบบไร้ตัวกลาง 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมจดทะเบียนบริษัทแล้ว 4 ทีม (มูลค่าจดทะเบียน 4 ล้านบาท) และมีทีมนักศึกษาไปต่อยอดในกิจกรรมอื่นๆ อาทิ กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) SIBB โครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (R2M) และธนาคารออมสิน กว่า 48 ทีม และได้รับทุนสนับรวมประมาณ 4.8 ล้านบาท

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้ายว่า NIA ยังคงมีเป้าหมายสนับสนุนนวัตกรรมที่ทันต่อบริบทความท้าทายของโลก เช่นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่าง เมตาเวิร์ส หรือ จักรวาลนฤมิต ควบคู่ไปกับการส่งเสริมนวัตกรรมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตในยุคนิว นอร์มอล ตลอดจนสนับสนุนนวัตกรรมที่สอดรับกับโครงสร้างเศรษฐกิจและแรงงานของไทย ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาแรงงานทักษะสูงฐานเทคโนโลยีเชิงลึก รวมถึงการกระจายธุรกิจนวัตกรรมให้เพิ่มมากขึ้นในระดับภูมิภาค เพื่อรองรับการย้ายกลับถิ่นฐาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

“เรามุ่งสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตที่ไม่สร้างมลพิษกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมด้านพลังงานและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการลงทุนแบบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, and Governance; ESG) ด้วยการสร้างระบบนิเวศด้านนี้ให้มีความเข้มแข็ง มีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุน รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรฐานในการประเมินผลกระทบให้เป็นรูปธรรม  และเทคโนโลยีอุบัติใหม่ เช่น ARI, Metaverse และ Biomed”

สถานีรถไฟ “หัวลำโพง” อนาคตจะไปอย่างไร

หลักทรัพย์บัวหลวงแนะกลยุทธ์ลงทุนปี ‘65 กระจายลงทุนในไทยและต่างประเทศ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ