ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของอาเซียน เป็นหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมา ขณะที่อุตสาหกรรมอาหาร ก็ถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลัก ที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตยิ่งขึ้นไป และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘บมจ.บางกอกแลนด์’ เจ้าของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ตัดสินใจทำสัญญาร่วมกับโรงเรียนสอนทำอาหารมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก อย่าง ‘Lenôtre Paris ประเทศฝรั่งเศส’ และทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สร้างโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย ขึ้นริมทะเลสาบเมืองทอง ที่นี่ถือเป็นโรงเรียนสอนประกอบอาหาร Lenôtre สาขาที่ 2 ของโลก

พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยมีรายได้จากการธุรกิจท่องเที่ยวค่อนข้างสูง มีร้านอาหารที่ติด Top 50 ในเอเชีย มีร้านที่ติด Top 100 ของโลก แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจร้านอาหารในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการจองโรงแรม ควบคู่กับการจองร้านอาหาร หากผู้ประกอบการร้านอาหารไทยอยากจะก้าวหน้าขึ้นไป เชฟ หรือเจ้าของร้านอาหาร จำเป็นต้องอัปเดต และพัฒนาความรู้ด้านการทำอาหารอย่างต่อเนื่อง
“เทรนด์ธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ออร์แกนิก, Vegan food (อาหารมังสวิรัติ), Ketogenic (คีโต), Plant base (เนื้อที่ทำจากพืช) คนที่ทำอาชีพเชฟ เจ้าของธุรกิจก็ต้องตามเทรนด์เหล่านี้ให้ทัน”
การเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารในเมืองไทย จะทำให้นักเรียนต่างชาติให้ความสนใจมาเรียน เมื่อเวลาผ่านไปมีเทรนด์อาหารใหม่ ๆ มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็สามารถกลับมาเรียน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ได้ ในขณะที่ตัวโรงเรียน ก็ต้องคอยติดตามเทรนด์อย่างต่อเนื่อง มีทีม R&D ที่ต้องคิด สร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ออกมาตอบโจทย์ความต้องการผู้เรียน และตลาดธุรกิจอาหาร
จิกซอว์ที่ช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มให้แก่อิมแพ็ค
พอลล์ อธิบายว่า อิมแพ็คเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการโรงแรม มีการทำ catering (บริการรับจัดเลี้ยง) และอยู่ในธุรกิจร้านอาหารไม่ต่ำกว่า 15 ปี ตั้งแต่แรก ๆ เปิดร้านอาหารเทอราซซ่า, ฮ่องกง ฟิซเซอร์แมน อาหารเป็นส่วนหนึ่งของอิมแพ็ค เป็น business direction ที่ทำให้เราพยายามพัฒนาการทำอาหาร
“หลายปีก่อน เคยคิดอยากเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารและการจัดงาน เพื่อป้อนคนเข้ามาทำงานในอิมแพ็ค จนวันหนึ่งไปทำธุระที่บริษัท Sodexo Thailand ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ด้านอาหารกับอิมแพ็ค และมีผู้บริหาร Lenôtre เข้ามาขอแลกนามบัตร บอกว่า คาเฟ่ เลอโนทจะกลับมาเมืองไทย ในรูปแบบของโรงเรียนสอนทำอาหาร ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะเลอโนทเป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารมายาวนาน และชื่อของ ‘Lenôtre Paris’ ก็เป็นที่ยอมรับระดับโลก
ในทุก ๆ ปี บางกอกแลนด์ลงทุนในธุรกิจอาหารไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000 ล้านบาท ทั้งการขยายสาขา วิจัย พัฒนาเมนูอาหาร รวมถึงการพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในทุกมิติ เพราะเชื่อว่าธุรกิจอาหาร จะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีในอนาคต ล่าสุด ในปีที่ผ่านมา เปิดตัว โครงการอิมแพ็ค ฟาร์ม นำผักผลไม้ออร์แกนิกจากสวนเกษตรอินทรีย์มาใช้ที่ครัวกลาง อิมแพ็ค และเปิดขายให้กับผู้ที่สนใจ ดังนั้น หากจะมีการเปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร ก็จะเป็นจิ๊กซอว์อีกชิ้น ที่ช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มด้านธุรกิจอาหารให้แก่บริษัท ช่วยเพิ่มทักษะ และสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่บุคลากรของบางกอกแลนด์”
เดือนกันยายนปี 2564 พื้นที่ริมทะเลสาบเมืองทอง ถูกเลือกใช้เป็นที่สร้างโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย และมีพิธีเปิดอาคารเรียนในเดือนพฤศจิกายน 2565
บางกอกแลนด์ ทุ่ม 4,000 ล้าน เซ็นสัญญาโครงการ “รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี”
พาทัวร์ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร “Lenôtre Thailand” แห่งแรกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลงทุน 1,000 ล้าน ตั้งเป้า 8 ปี คืนทุน
พอลล์ กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท (รวมที่ดิน) ในการสร้างอาคารเรียน และวางระบบปฏิบัติการ คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 8 -10 ปี โดยในช่วงแรกตั้งเป้าผลิตนักเรียนไม่ต่ำกว่า 500 คนต่อปี (รวมคอร์สระยะยาวและคอร์สระยะสั้น) เป็นคนไทยราว 30% และคาดว่าจะมีนักเรียนจากต่างชาติ อย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม บินมาเรียน
ในอนาคต หากมีผู้สนใจเข้ามาเรียนมากขึ้น มีแผนเตรียมพัฒนาพื้นที่ใกล้โรงเรียน ให้เป็น service apartment เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียน
“เมื่อมีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนเพิ่มมากขึ้น ก็เกิดการสร้างรายได้ให้ธุรกิจโดยรอบ เพราะเขาไม่ได้มาเรียนอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะมาท่องเที่ยวด้วย”

โอกาสของผู้สนใจด้านการทำอาหาร
พอลล์ มองว่า การเปิดตัว เลอโนท ประเทศไทย เป็นโอกาสดีที่ผู้สนใจด้านการทำอาหาร จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมการทำอาหารตามแบบฉบับของฝรั่งเศส ที่ถูกสอนโดยเชฟผู้มีประสบการณ์จาก Lenôtre Paris โดยตรง ได้ใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ มาตรฐานเดียวกัน หรือดีกว่า โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงต่างประเทศ
“ที่นี่ครูผู้สอนจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ และมีล่ามแปลเป็นภาษาไทย ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องไปเรียนภาษาฝรั่งเศสก่อน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เรียนได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งไทยเอง ก็เป็นประเทศที่ต่างชาตินิยมเดินทางมา ด้วยค่าครองชีพที่ถูก (ถูกกว่าฝรั่งเศสถึง 5 เท่า) มีความสะดวกสบาย มีอาหารการกินที่หลากหลาย”
ที่ประเทศจีน จะมีเอเยนต์ช่วยหานักเรียน หากต้องการบินไปเรียนที่ Lenôtre Paris ต้องรอ waiting list ประมาณ 4 ปี ระหว่างนั้นต้องไปเรียนภาษาฝรั่งเศส แต่สำหรับที่ไทย สามารถมาสมัครเรียนได้เลย โดยจะได้รับสิทธิพิเศษค่าห้องพักจากโรงแรมโนโวเทล อิมแพ็ค สำหรับหลักสูตรระยะยาว มีบริการเลี้ยงอาหาร 3 มื้อ และรถรับส่งที่พักฟรี
โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย เปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตร และหลักสูตรระยะสั้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนที่แตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 1. หลักสูตรประกาศนียบัตร หรือหลักสูตรระยะยาว แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) การประกอบอาหารคาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพหรือต้องการเปลี่ยนอาชีพมาสู่การเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและการจัดการอาหารประเภทอาหารคาวโดยเฉพาะ ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 840 ชั่วโมง 2) การทำขนมอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพในการผลิตขนมอบหรือการจัดการอาหารประเภทขนมอบโดยเฉพาะ ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 840 ชั่วโมง และ 3) การทำขนมปัง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพในการผลิตหรือการจัดการอาหารประเภทขนมปังโดยเฉพาะใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 520 ชั่วโมง
2) หลักสูตรระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานในด้านการประกอบอาหารหรือขนมมาก่อน ไปจนถึงผู้เรียนระดับมืออาชีพที่ต้องการเสริมทักษะเพื่อนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจ รวมทั้ง ยังมีการฝึกอบรมในหัวข้อพิเศษตามฤดูกาลและเทศกาลต่าง ๆ ที่ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 4 ชั่วโมงขึ้นไป
ปัจจุบัน หลังเปิดสอนนักเรียนรุ่นแรกในเดือนธันวาคม ปี 2565 เลอโนท ประเทศไทย มีนักเรียนสมัครเรียนแล้วกว่า 100 คน
จากเด็ก Food Science สู่ ผู้อำนวยการหลักสูตรโรงเรียนสอนประกอบอาหาร

The Story Thailand มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘บี’ ธนัญญา ตันติวุฒิพงศ์ ด้วยอายุเพียง 32 ปี กับบทบาท ผู้อำนวยการหลักสูตร โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย อะไรทำให้เขาก้าวมาสู่จุดนี้ได้
บีเล่าว่า เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ (Food & Science) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากนั้นเข้าทำงานด้าน Research and Development ที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) ด้วยความที่สาขาที่เรียน จะสอนแค่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำอาหาร จะเกิดอะไร แต่ไม่ได้สอนวิธีการทำอาหาร จึงตัดสินใจสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหารชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
หลังจากเรียนจบด้านการประกอบอาหาร จึงเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ เริ่มต้นสายงานใหม่ ทำงานด้านเชฟทั้งหมด ทั้งการคิดสูตร ดูงาน Admin ตารางงานเชฟ เมื่อทราบว่าจะมีการเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารเลอโนท ในประเทศไทย จึงย้ายมาทำงานที่นี่
“ที่นี่เป็นการสอนแบบลงมือทำ ซึ่งจะต่างจากที่เคยเรียนมา เรียน 100 สูตร เราจะได้ทำ 100 สูตร ได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหาร การสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ เชฟทุกท่าน ผ่านการเทรนด์ตั้งแต่แรกเริ่มจาก Lenôtre Paris ก่อนที่จะบินกลับมาเมืองไทย เพื่อทำการสอน เป็นการเทรนด์มาเพื่อเป็น instructor หรือครูผู้สอน ในขณะที่ผู้เรียนเอง เมื่อเรียนภาคปฏิบัติครบจำนวนชั่วโมงแล้ว ก็สามารถเลือกได้ว่าจะไปฝึกงานที่ Lenôtre Paris หรือหากไม่ไป จะฝึกที่ประเทศไทย อย่าง โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล หรือร้านอาหาร Michelin star ที่ทางโรงเรียนติดต่อไว้ให้ก็ทำได้”
จุดเปลี่ยนที่ทำให้บีเลือกเปลี่ยนเส้นทางชีวิตการทำงาน จากนักวิทยาศาสตร์ สู่การเริ่มต้นเรียนสายเชฟ จนนำมาสู่การเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เพราะต้องการเรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ บียกตัวอย่างว่า ในห้องเรียนที่มหาวิทยาลัยจะสอนว่า “น้ำตาลโดนความร้อน จะเกิดปฏิกิริยาร่วมกัน จนเป็นอย่างไร แต่ไม่รู้ว่าเมื่อได้น้ำตาลที่ collaboright แล้ว ต้องนำไปใช้อย่างไรต่อ ตรงนี้ เราไม่รู้เลย”
“ในช่วงที่ทำงานด้าน R&D โดนมอบหมายให้สร้างสรรค์สูตรอาหาร แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีความรู้เรื่องการทำอาหาร จึงตัดสินใจมาเรียนด้านการทำอาหาร ซึ่งศาสตร์ที่เคยเรียนมา เมื่อนำมาใช้ร่วมกับสายงานใหม่ที่ทำอยู่ ทำให้เรามีศิลป์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น”
ปัจจุบัน นอกจากเหนือจากการดูแลนักเรียน และเชฟผู้สอนแล้ว บียังต้องทำงานร่วมกับทีม R&D เพื่อคิดค้นสูตรใหม่ ๆ เพื่อส่งไปตรวจสอบไปที่ปารีส เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว จึงนำสูตรเมนูนั้น กลับมาเปิดคอร์สใหม่ที่ประเทศไทยต่อไปด้วย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แอร์บัส เปิดรับพนักงานใหม่ในปี 2566 กว่า 13,000 อัตราทั่วโลก
LINE MAN Wongnai ลุยธุรกิจโฆษณาดิจิทัล ชูจุดเด่น แพลตฟอร์มอาหาร ที่สามารถเข้าถึงลูกค้า 10 ล้านคน