หลังจากโลกต้องยอมรับถึงความไม่ปกติ คือ ความปกติ หรือ NEVER Normal ความเปลี่ยนแปลงรอบด้านที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีจะเป็นหลักในการรับมือ ซึ่งออราเคิลได้เผย 6 ปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีในปี 2565 ที่ผู้บริหารระดับสูงทั่วเอเชียแปซิฟิก รวมถึงไทยต้องพิจารณา
ทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิลคอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าเรื่องแรกคือการที่ผู้บริหารเริ่มตั้งคำถามต่อการลงทุนไปกับทรานส์ฟอร์เมชัน การใช้จ่ายไปกับเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยแต่ละองค์กรลงทุนกันไปมากน้อยต่างกัน ทั่วโลกใช้จ่ายเงินมหาศาลราว 1.78 ล้านล้านดอลลาร์ จากการถูกดิสรัปต์ หรือสถานการณ์โควิด ล็อกดาวน์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วการลงทุนนั้น ๆ คุ้มค่าหรือสำเร็จไหม
เรื่องที่สอง ปัญญาประดิษฐ์เข้าใกล้เรามากขึ้น ทั้งฝังอยู่ในมือถือ อุปกรณ์ภายในบ้าน อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง เครื่องดูดฝุ่น ช่วยอำนวยความสะดวกและใช้งานได้ดี ทั้งภาคธุรกิจและภาคราชการต่างคุ้นเคย แต่อุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้หรือใช้ได้ถูกทางหรือยัง กลายเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบ ซึ่งค่าใช้จ่ายการนำแมชชีน เลิร์นนิ่ง และเอไอมาใช้มีไม่สูง เช่น ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ เดิมเคยมีเจ้าหน้าที่นั่งรับโทรศัพท์เป็นหลักร้อยหลักพันคนเพื่อให้บริการลูกค้า แต่เมื่อมีดิจิทัล แอสซิเทนต์เข้ามาช่วย หรือถ้าใช้ระบบที่ก้าวหน้าจะมีแมชชีน เลิร์นนิ่ง เรียนรู้และคาดคะเนคำถาม หรือการพูดคุย ช่วยตอบคำถาม มีประโยชน์ต่อหน่วยงาน จากเดิมที่ใช้คนรับโทรศัพท์ พอดึก ๆ ก็อาจลดจำนวนคน หรืองดให้บริการ แต่ลูกค้าอาจสะดวกติดต่อเฉพาะเวลานั้น การนำเทคโนโลยีมาใช้จะสร้างความแตกต่าง สร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้
มาตรฐานความยั่งยืนต้องไม่ละเลย
เรื่องที่สาม ลูกค้าจะประเมินบริษัทด้วยมาตรฐานด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะเป็นองค์กรเล็กแต่ทำหน้าที่ส่งออกให้องค์กรใหญ่ ซึ่งมีมาตรการบังคับให้ซัพพลายเออร์ที่ทำธุรกิจด้วย ต้องมีเรื่องความยั่งยืน หรือ Sustainability เช่น การลดภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก โลว์ คาร์บอนต่าง ๆ เพื่อทำให้โลกไม่เข้าสู่ภาวะที่เป็นอันตรายในการใช้ชีวิต ถือเป็นความสำคัญของภาคธุรกิจและภาคราชการ รวมถึงรัฐบาลต่างจำเป็นต้องมีแผนรับมือ เพราะการส่งออกไปบางประเทศจะพิจารณาถึงประเทศคู่ค้าว่าให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เพียงใด
ทั้งนี้ ในส่วนของออราเคิลมีเทคโนโลยีคลาวด์ที่ลูกค้านำไปใช้งานสำหรับแอปเติมน้ำมันรถ ที่ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งรถที่จอดและรถที่จะมาเติมน้ำมันว่า จอดอยู่ตำแหน่งไหนที่ใกล้ที่สุด และปริมาณน้ำมันคันไหนเหมาะสม ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปกว่า 30 ล้านบาท และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จำเป็นไม่สามารถขับรถวนหาปั๊มน้ำมันที่ทั้งเสียเวลา ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และสร้างปริมาณคาร์บอนที่ไม่จำเป็นด้วย ด้วยบริการนี้ช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้ 2.4 ล้านปอนด์
สถาบัน Foresster รายงานว่ากลุ่มบริษัทใน Fortune Global 200 กว่า 92% ในอเมริกาเหนือ และ 81% ในกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ได้แต่งตั้งตำแหน่งผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับรองประธานกรรมการ ผู้อำนวยการ และตำแหน่งอื่น ๆ ในระดับบริหาร ขณะที่เอเชียแปซิฟิกมีตำแหน่งด้านนี้เพียง 26%
องค์กรต้องพัฒนาดิจิทัลสกิลพนักงาน
เรื่องที่สี่ นายจ้างที่ไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาสายอาชีพและการรับสมัครพนักงานหลังภาวะการแพร่ระบาดจะล้าหลังกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง จากการล็อกดาวน์ มีบางอุตสาหกรรมต้องเลย์ออฟลดคน บางอุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว มีคนตกงาน หรือย้ายคนไปทำบางงานที่ความสามารถที่มีอยู่เดิมไม่พร้อม ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายจ้าง หรือองค์กรต่าง ๆ ต้องปรับตัว มิเช่นนั้น เมื่อพนักงานเกิดความกังวล เครียด พนักงานดี ๆ อาจลาออกไปด้วย องค์กรต้องเสียพนักงานที่มีความสามารถ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ
นายจ้างต้องใช้ระบบบริหารงานบุคคล หรือเอชอาร์ มาพัฒนาดิจิทัล สกิลให้พนักงานมากขึ้น เปิดโอกาสให้พนักงานลดความเครียด ถ้าเบื่องานที่ทำอยู่ประจำแล้วเครียด กังวล ขอโอกาสย้ายลักษณะงาน นายจ้างจำเป็นต้องสร้างกระบวนการ วิธีการรองรับตรงนี้ ไม่ปล่อยให้พนักงานต้องแก้ไขด้วยตัวเอง เครียดจนต้องลาออกก็เป็นความสูญเสียขององค์กรโดยรวม
รายงาน 2021 AI@Work report by Oracle and Workplace Intelligence พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกล่าวว่าการแพร่ระบาดเป็นสาเหตุทำให้พวกเขารู้สึก “จมปลัก” และผลักดันให้พวกเขาต้องทบทวนอนาคตของตัวเองอีกครั้ง ผลลัพธ์คือพนักงานกว่า 84% ต้องการเปลี่ยนแปลงอาชีพการงานในปีหน้า 86% ไม่พึงพอใจกับการสนับสนุนด้านอาชีพการงานของนายจ้าง และ 91% กล่าวว่านายจ้างควรรับฟังความต้องการของพวกเขามากกว่า
นอกจากนี้ 93% ของผู้ทำแบบสอบถามยังระบุว่าการแพร่ระบาดทำให้การสร้างสมดุลชีวิตและงาน สุขภาพจิต และความยืดหยุ่นในการทำงาน มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับพวกเขา
เรื่องที่ห้า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซัพพลายเชนจะ “ไม่ปกติอีกต่อไป” ดังนั้น จัส อิน ไทม์ ในอดีตที่พยายามรักษาระดับสินค้าคงคลังให้ต่ำที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดของเสีย แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา 2 ปีควรกลับสู่ภาวะปกติ แต่กลายเป็นไม่มีใครคาดคะเนได้ เกิดเนเวอร์ นอร์มอล องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมี หรือเตรียมความพร้อมว่าเกิดอะไรขึ้นต้องมีเทคโนโลยีมาช่วยการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพียงพอ มิเช่นนั้นจะทำให้เสียโอกาสในแง่ธุรกิจ เกิดผลกระทบในเชิงของรอยต่อการเกิดวิกฤต ซึ่งซัพพลายเชนก็จะต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการ (Supply Chain Management) โดยมีคลาวด์ตอบโจทย์
เรื่องที่หก สกุลเงินดิจิทัล เป็นเรื่องใกล้ตัว ผู้ใช้เติบโตเร็ว มีปริมาณสูงขึ้น ซึ่งต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยออราเคิลเข้าซัพพอร์ตองค์กรด้านสกุลเงินดิจิทัลให้เติบโต ด้วยระบบหลังบ้าน บัญชีการเงิน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีลูกค้า 1 รายที่อยู่ในธุรกิจดิจิทัล เคอร์เรนซี เลือกใช้งานระบบอีอาร์พีของออราเคิล หลังจากธุรกิจเติบโตเร็วมาก ระบบงานเดิมไม่ตอบโจทย์
ผลประกอบการเติบโต 22%
ผลการดำเนินงานออราเคิลทั่วโลก ไตรมาส 2 สิ้นสุด พ.ย. 2564 เติบโต 22% ระบบอีอาร์พีบนคลาวด์ 35% โดยเทียบปีต่อปี ลูกค้าองค์กรเอสเอ็มอี ซึ่งใช้งาน ERP NetSuite จำนวน 28,400 ราย ทำให้รายได้โต 29% ราคาหุ้นเติบโตขึ้น 2 เท่าภายใน 4 ปีที่ผ่านมา
“เป็นการยืนยันว่า เทคโนโลยีของออราเคิลที่พัฒนามาไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชีการเงิน ระบบเอชอาร์ หรือออราเคิล ไพร์ม อินฟราสตรักเจอร์ ล้วนตอบโจทย์ในแง่ธุรกิจ และภาคราชการในการจัดการ โดยเฉพาะในช่วงของเนเวอร์ นอร์มอล และทุกประเด็นที่กล่าวมา ล้วนเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วย”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วอลโว่ แง้มกลยุทธ์ปี 65 มุ่งตลาด EV 100% ตั้งเป้าเปิดตัวโมเดลใหม่ต่อเนื่องทุกปี
