TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessตลาดอสังหาฯ ปี 64 มีแนวโน้มชะลอตัว ผู้ขายต้องเร่งปรับตัว

ตลาดอสังหาฯ ปี 64 มีแนวโน้มชะลอตัว ผู้ขายต้องเร่งปรับตัว

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) สรุปภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 และแนะแนวโน้มปี 2564 เผยเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากหลาย ๆ ปัจจัย ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร ทั้งจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อบ้านนานขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า ผู้บริโภคถึง 75% ชะลอการซื้อบ้านออกไปก่อน

-MQDC เปิดตัว FutureTales Lab ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาอสังหาฯไทย
-สงครามราคาอสังหาฯ ยังดุเดือด โอกาสทองของผู้ซื้อ/นักลงทุน

ช่วงวิกฤติโควิด-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกิดความยากลำบากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ส่งผลให้ความต้องการอสังหาฯ ลดลง ทำให้ราคาตกลง ด้านคอนโดมิเนียมยังคงเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนมากที่สุด ขณะที่แนวโน้มโครงการใหม่เริ่มเป็นสินค้าประเภทแนวราบมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านนานขึ้นในช่วงล็อกดาวน์จึงเห็นความสำคัญของการมีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่มากขึ้น

ผลสำรวจจากดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยว่า ดัชนีราคา YoY(ระหว่าง ปี 62 กับ 63) ของคอนโดปรับลด 6% ขณะที่ บ้านเดี่ยวเติบโต 7% ส่วนทาวน์เฮ้าส์ เติบโต 0.4%

ด้านความต้องการทำเลคอนโด แขวงบางไผ่ เขตบางแค มีความต้องการเติบโตสูงที่สุดใน กทม. ถึง 42% ขณะที่บ้านเดี่ยว แขวงอรุณอัมรินทร์ เติบโตขึ้นถึง 21% ส่วนทาวน์เฮ้าส์ แขวงลาดกระบัง เติบโตสูงสุด 19%

กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า บ้านเดี่ยวยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกหลายปี ซึ่งการที่อสังหาฯ หลาย ๆ เจ้าขยายตลาดบ้านเดี่ยวมากขึ้นก็ยังไม่น่าจะเกิด Over Supply เพราะโครงการส่วนมากเป็นแบบสร้างไปขายไป

จากการชะลอตัวของตลาดทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้แคมเปญการตลาด ราคา และโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อจูงใจผู้ซื้อ ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมลดต่ำลง แต่เป็นการเร่งการตัดสินใจจากผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์หรือผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงที่มีความต้องการซื้อมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ ส่วนกลุ่มดีมานด์ใหม่ยังคงชะลอตัวเนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจกับสภาพเศรษฐกิจ และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง

“คนขายจะต้องปรับตัวมากขึ้น และลดสต๊อกให้เร็วที่สุด เช่น การลดราคา เปิดบางส่วนเป็นการเช่า เพิ่มจุดขายใหม่ ๆ รวมถึงใช้ศักยภาพของโลกออนไลน์ให้เป็นประโยชน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดออฟไลน์ลงไป ด้านคนซื้อต้องวางระบบการจัดการเงินให้ดี เพื่อให้ผ่อนในระยะยาวได้ด้วย”

กมลภัทร กล่าวต่อว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วเมื่อตอนที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในเมืองไทยจนนำไปสู่การล็อกดาวน์ และกิจกรรมทางธุรกิจหยุดชะงัก สำหรับแนวโน้มของตลาดในปี 2564 จะยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากปีนี้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างเข้มข้นของผู้ประกอบการที่แข่งกันลดราคา รวมไปถึงออกโปรโมชั่นแรง ๆ เพื่อจูงใจผู้ซื้อ ส่วนจำนวนโครงการเปิดใหม่นั้นคาดว่าจะมีจำนวนใกล้เคียงกับปี 2563

“ปี 2564 ถือเป็นปีปรับสมดุลของตลาดอสังหาฯ ทั้งในแง่ของราคาและอุปทาน (จำนวนที่อยู่อาศัย) โดยในส่วนของราคานั้นเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากดัชนีราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2563 และคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อย่างไรก็ดี แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ นั้นจะขึ้นอยู่กับตัวแปรสำคัญ ๆ ได้แก่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพการเมือง รวมถึงการมีมาตรการจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ หรือให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น” กมลภัทร กล่าวสรุป

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ