TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessเปิด 8 เทคนิคการปั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ปัง บนแพลตฟอร์มช้อปปี้ โครงการ Certified Shopee Expert Program (CSEP)

เปิด 8 เทคนิคการปั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ปัง บนแพลตฟอร์มช้อปปี้ โครงการ Certified Shopee Expert Program (CSEP)

คาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 16% ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน โดยรายงานจาก Google, Temasek และ Bain & Company คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รองจากอินโดนีเซีย) มีมูลค่าราว 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568     

ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับภูมิภาคอย่างช้อปปี้ ที่ต้องการขับเคลื่อนให้อีคอมเมิร์ซเป็นเครื่องจักรตัวหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย

ความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซของผู้ขายเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจนี้ ช้อปปี้จึงได้ทำโครงการ Certified Shopee Expert Program (CSEP) เพื่อติดอาวุธให้แก่ผู้ขายด้วยองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจผู้ขายช้อปปี้ได้เติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลไปด้วยกันกับช้อปปี้

โครงการ CSEP เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2565 เป็นโครงการ Train The Trainer ที่คัดผู้ขายช้อปปี้ที่มีความสามารถมากประสบการณ์ (Certified Shopee Expert) มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนากลุ่มธุรกิจ SME ในประเทศไทยให้ผู้คนภายนอกที่สนใจธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ผ่านความรู้และเคล็ดลับผ่าน 12 คลาส บนช่องทาง Shopee Live และ YouTube Channel ของ Shopee University

Shopee-Mentor

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ช้อปปี้ได้เชิญผู้ขายที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มช้อปปี้จำนวน 8 ท่านมาร่วมแบ่งปันเทคนิคการสร้างธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จแก่ผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการ CSEP ประจำปี 2566 โดยได้แบ่งปันกลยุทธ์สู่ความสำเร็จไว้ 8 เรื่องที่รวมเทคนิคการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้อย่างครอบคลุม เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ค้าออนไลน์ได้พัฒนาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับร้านค้าของตนบนโลกอีคอมเมิร์ซที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ในฐานะช่องทางการซื้อสินค้าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภคยุคดิจิทัล

1) เลือกสินค้ามาขายแบบไม่มโนด้วยการดูข้อมูลสถิติบนช้อปปี้

เลือกสินค้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง และการใช้ Data มาประกอบการตัดสินใจจะช่วยให้ร้านตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นร้านค้าจึงควรเปรียบเทียบความน่าสนใจของสินค้าแต่ละประเภทด้วยการนำสถิติจากอันดับสินค้าขายดีประจำสัปดาห์ 10 อันดับแรกบนช้อปปี้มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้

  • ประเมินมูลค่าตลาดของสินค้าคร่าวๆผ่านการนำมูลค่ายอดขายต่อเดือนของ 10 อันดับแรกมารวมกัน เพื่อดูว่าตลาดของสินค้านี้มีขนาดใหญ่เท่าไหร่ และนำใช้ตั้งเป้ายอดขายต่อได้ว่าร้านค้าต้องการส่วนแบ่งทางการตลาดกี่เปอร์เซ็นต์
  • ประเมินมูลค่ายอดขายต่อเดือนของผู้ที่ได้อันดับ 1 เพื่อดูความแข็งแกร่งของเจ้าตลาดว่าครองส่วนแบ่งทางการตลาดไว้เท่าไหร่ และมีพื้นที่ให้ร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาแข่งขันมากน้อยแค่ไหน
  • ประเมินมูลค่าเฉลี่ยต่อชิ้นโดยคำนวณจาก 10 อันดับแรก เพื่อวิเคราะห์ว่าช่วงราคาใดที่เหมาะสม และสอดคล้องกับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 

ร้านค้าสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการเข้าถึงสถิติสินค้าขายดีประจำสัปดาห์ วิธีการคำนวณ และตัวอย่างการนำไปใช้จริงได้ที่นี่

2) เทคนิคสร้างแบรนด์บนอีคอมเมิร์ซเพื่อสร้างความแตกต่างและการจดจำ

เริ่มต้นกำหนดทิศทางของแบรนด์ด้วยหลักการพื้นฐานอย่าง STP หรือ Segmentation, Targeting, และ Positioning เพื่อหา Winning Point ซึ่งเป็นจุดร่วมของ 3 สิ่ง ได้แก่ สิ่งที่แบรนด์เราทำได้ดี สิ่งที่ลูกค้าต้องการ และสิ่งที่แบรนด์คู่แข่งไม่มีนั่นเอง 

เมื่อได้ Winning Point เรียบร้อยแล้ว ร้านค้าจะต้องนำมาสร้าง Brand Identity หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์เพื่อใช้สื่อสารในแต่ละ Touch Point โดย สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการทำแบรนด์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซคือการออกแบบหน้าร้านการใช้คำและการใช้ภาพ

  • การออกแบบหน้าร้าน: การแต่งหน้าร้านออนไลน์ให้มีบรรยากาศที่สะท้อนความเป็นแบรนด์จะช่วยให้ลูกค้าสนใจและอยากเข้าไปดูสินค้าภายในร้านต่อ ภาพที่แบรนด์สามารถนำมาตกแต่งหน้าร้านได้มีมากมาย เช่น ภาพปกที่แสดงความเป็นแบรนด์ได้ชัดเจน ภาพแนะนำสินค้าหรือคอลเลคชั่นสินค้า ภาพให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า เช่น วิธีการใช้งาน คุณสมบัติพิเศษของสินค้า ตลอดจนภาพแนะนำโปรโมชั่นหรือแคมเปญ เป็นต้น
  • การใช้คำ: สร้างถ้อยคำอธิบายสินค้าให้โดนใจด้วยหลักการ F-B-A

– Feature บอกคุณสมบัติของสินค้าให้ครบครัน

– Benefits บอกประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากคุณสมบัติต่าง ๆ ของสินค้า

– Advantage บอกจุดเด่นที่ทำให้สินค้าหรือแบรนด์เหนือกว่าหรือต่างจากคู่แข่ง โดยจะน่าสนใจยิ่งขึ้นถ้าจุดเด่นนี้สามารถตอบโจทย์ Pain Point หรือปัญหาของลูกค้าได้อีกด้วย  

  • การใช้ภาพ: ใช้ภาพที่ลูกค้าดูออกได้ทันทีว่าขายอะไร ไม่ใส่รายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปให้รกภาพ คุมสีและโทนของภาพให้เป็นไปตามอัตลักษณ์แบรนด์ และใช้ภาพที่ช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์หรือความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 

3) ยิง Ads แบบประหยัดและเห็นผล

สิ่งแรกที่ร้านค้าควรทำเพื่อประสิทธิภาพในการทำโฆษณาหรือการยิง Ads บนช้อปปี้ คือการสำรวจร้านค้าของตัวเองว่ามีสินค้ามากเพียงพอหรือไม่เนื่องจากการยิง Ads ที่ทำให้ผู้ซื้อมองเห็นตัวเลือกหลากหลายในคราวเดียว ทั้งสินค้าหลัก สินค้ารอง และสินค้าเกี่ยวเนื่อง จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายได้มาก ทั้งยังควรเลือกใช้สินค้าที่มีกำไรมากพอ และทำควบคู่ไปกับโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจลูกค้าเช่น Add-on Deal, Bundle Deal, และ Seller Voucher

นอกจากนี้ ควรตั้งงบยิง Ads เอาไว้อย่างชัดเจน สำหรับมือใหม่และร้านที่งบน้อยควรเริ่มยิง Ads ทีละตัวเพื่อศึกษาการทำงานของโฆษณา พฤติกรรมลูกค้า คอยดูผลและปรับโฆษณาทุก ๆ 7 – 14 วันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ที่สำคัญอย่าลืมประหยัดงบยิง Ads ด้วยการใช้ส่วนลดเครดิต Shopee Ads ที่ช้อปปี้มอบให้กับร้านค้า

ร้านค้ายังสามารถประเมินความคุ้มค่าของโฆษณาได้จาก Return on Ads Spend (ROAS) และ Advertising Cost of Sales (ACOS) โดยสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการประเมินผลการยิง Ads เพิ่มเติม ได้ที่นี่       

4) การพิชิตอันดับสินค้าขายดีประจำสัปดาห์

การเป็นร้านค้าที่มีสินค้าติดแรงค์ขายดีประจำสัปดาห์ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มาก เพราะอันดับการันตี, ยอดขายต่อเดือน, และคะแนนรีวิวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า นำไปสู่โอกาสการขายที่มากขึ้น โดยมีเช็คลิส 6 ข้อที่ผู้ขายควรกลับมาสำรวจและปรับปรุงเพื่อผลักดันสินค้าสู่การเป็นอันดับต้นๆของสินค้าขายดีประจำสัปดาห์

  • ภาพสินค้า: ภาพดึงดูดใจ ครบถ้วนและเหมือนสินค้าจริง ทำให้ลูกค้าเห็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • ชื่อสินค้า: ควรใช้ชื่อที่ลูกค้าใช้เรียกสินค้านั้นจริง ๆ บ่งบอกคุณลักษณะสำคัญให้ครบ และการใส่โปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดไว้ในวงเล็บ ยังช่วยดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  • รายละเอียดสินค้า: มีครบถ้วนทั้งคุณสมบัติ การใช้งาน เรื่องราวของสินค้าและแบรนด์ และบริการหลังการขาย โดยข้อมูลที่ครบครันจะช่วยเพิ่มการมองเห็นสินค้า เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า ลดคำถามเกี่ยวกับสินค้า และลดอัตราการคืนสินค้าได้อีกด้วย
  • คะแนนและรีวิวคะแนนสินค้ามากกว่า 4.5 (เต็ม 5)ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสการเพิ่มยอดขาย
  • Shopee Ads: ใช้โฆษณาภายในแพลตฟอร์มช้อปปี้เพิ่มการมองเห็นสินค้า
  • Affiliate Marketing Solution (AMS): โปรโมทผ่านพันธมิตรอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเพิ่มการมองเห็นนอกแพลตฟอร์ม

5) ใช้ Shopee Live ให้ปังปิดการขายให้เป็น

ฟีเจอร์ที่มาแรงในเวลานี้ต้องยกให้ Shopee Live ซึ่งสามารถช่วยร้านค้าให้เพิ่มจำนวนผู้มองเห็นร้านค้า เพิ่มผู้ติดตามร้านค้า และเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยการสร้างไลฟ์ก็มีเพียง 4 ขั้นตอนง่ายๆ ได้แก่

  • เลือกภาพหน้าปก Shopee Live: ขนาด 720*720 pixel
  • สร้างหัวข้อไลฟ์ให้น่าสนใจ เช่น การแจกโค้ดลด 50%
  • เพิ่มสินค้าที่ต้องการจะขายใน Shopee Live: เพิ่มได้สูงสุดมากถึง 500 SKU
  • เรียงลำดับสินค้า: สินค้าขายดีควรอยู่ด้านบนให้เห็นง่าย

สิ่งสำคัญในการไลฟ์ขายสินค้าให้ประสบความสำเร็จ คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมและนำเสนอเรื่องราวของสินค้าและแบรนด์ให้น่าสนใจ นอกจากนี้ ช้อปปี้ยังมีเคล็ดลับที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ชมเพิ่มการมีส่วนร่วมและช่วยปิดการขายได้แก่

  • กดแจ้งเตือนไปยังลูกค้าบน Shopee และโปรโมทไลฟ์ไปยัง Social Media ของร้านค้า
  • ใช้ฟีเจอร์แจก Coins ช่วยดึงดูดลูกค้า ทั้งนี้ ควรตั้งงบประมาณการแจก Coin ในแต่ละไลฟ์ไว้ก่อน
  • ดึงดูดลูกค้าให้อยู่ในไลฟ์นานขึ้น ด้วยการแบ่งทำโปรโมชั่นเป็นช่วง ๆ เอนเตอร์เทนต์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการเลือกสินค้ามานำเสนอ
  • มัดใจด้วยโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในไลฟ์ โดยควรบอกราคาพร้อมส่วนลด เปรียบเทียบส่วนต่างให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน คำนวณราคาที่ลดแล้วเพื่อแสดงถึงความคุ้มค่า และควรบอกโปรโมชั่นที่ลูกค้าจะได้รับทั้งหมดภายในไลฟ์เป็นระยะ ๆ
  • กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อ ด้วยการแจ้งให้ผู้ชมทราบถึงข้อจำกัดในการรับความคุ้มค่า เช่น ระยะเวลาการกดซื้อเฉพาะในไลฟ์ จำนวนสินค้าที่จะนำมาขายในไลฟ์ รวมถึงแจ้งจำนวนสินค้าที่ขายออกไปแล้วเป็นระยะ ๆ ให้เห็นว่าสินค้าเหล่านั้นกำลังได้รับความนิยม

6) สร้างวิดีโอขายสินค้าให้น่าสนใจ

วิดีโอนำเสนอสินค้าเป็นอีกเครื่องมือที่สามารถจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่มีราคาสูง มีอุปกรณ์จำนวนมาก มีคุณสมบัติหรือฟีเจอร์ที่มีความเฉพาะตัวซึ่งร้านค้าต้องการนำเสนอหรือลูกค้าต้องการทราบ หรือมีวิธีการใช้งานที่ลูกค้าต้องศึกษาใหม่เป็นพิเศษ โดยร้านค้าควรให้ความสำคัญกับคุณภาพที่คมชัดของภาพและเสียงเปิดคลิปช่วง 10 วินาทีแรกให้น่าสนใจและไม่ขายตรงจนเกินไปนั่นเอง

7) ใช้ ‘ส่งฟรีร้านโค้ดคุ้ม’ และ ‘ส่วนลดร้านโค้ดคุ้ม’ ให้มีประสิทธิภาพ

‘ส่งฟรี’ เป็นปัจจัยอันดับ 1 ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ ด้านส่วนลด Cash Back หรือ Coin เป็นปัจจัยที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน และเมื่อเข้าร่วมโปรแกรม ‘ส่งฟรีร้านโค้ดคุ้ม’ และ ‘ส่วนลดร้านโค้ดคุ้ม’ แล้ว ร้านและสินค้าจะได้รับการติดป้ายแท็กพิเศษซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็นของร้านค้า โอกาสเข้าร่วมแคมเปญ โอกาสรับสล็อต Flash Sale และยังได้รับส่วนลดเครดิตโฆษณา Shopee Ads อีกด้วย

ทั้งนี้ ร้านค้าควรพิจารณาเข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ ตามงบประมาณการทำการตลาดที่กำหนดเอาไว้ และคำนึงถึงการกระตุ้นให้ลูกค้าเพิ่มมูลค่าในการจ่ายเพื่อซื้อสินค้าใน 1 ครั้ง (Basket Size) ร่วมด้วย

8) แนวทางบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ฉบับพนักงานประจำ 

หลาย ๆ คนต้องการสร้างรายได้จากหลายช่องทางทั้งเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่ง และการขายของออนไลน์ก็เป็นอีกอาชีพเสริมที่มีความยืดหยุ่นสูงและผู้ขายสามารถบริหารจัดการเวลาให้ไม่กระทบงานหลักได้ โดยสิ่งที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ต้องทำในแต่ละวัน และแต่ละสัปดาห์ มีดังนี้

กิจวัตรประจำวันของเจ้าของธุรกิจออนไลน์:

  • จัดการคำสั่งซื้อ: ควรแบ่งเวลาก่อนทำงานและหลังทำงานเพื่อแพ็คสินค้าและนำส่งสินค้าเป็นประจำ
  • โปรโมทสินค้า: ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกดโปรโมทสินค้า ซึ่งทำได้ทุก ๆ 4 ชั่วโมง
  • ตอบแชทลูกค้าและจัดการรีวิว: ในเวลาว่างควรเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความประทับใจที่ดี ทั้งนี้ หากร้านค้ามีการให้ข้อมูลที่ครบครันอยู่แล้วก็จะลดเวลาที่ร้านใช้ในการถามตอบได้
  • ติดตามเป้าหมายประจำวัน: แบ่งเวลาตามความสะดวก เพื่อเข้ามาประเมินยอดขาย ค่าโฆษณา และสถิติต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาร้านค้าต่อไป

กิจวัตรประจำสัปดาห์ของเจ้าของธุรกิจออนไลน์:

  • จัดการคลังสินค้า: เติมของให้พร้อมขายเสมอ
  • ตกแต่งร้านค้าและพัฒนาสินค้า: จัดทำอาร์ตเวิร์กและแคปชั่นต่าง ๆ และอัปเดตร้านค้าให้สวยงามและน่าดึงดูดอยู่เสมอ
  • วางแผนการโปรโมท: วางแผนแคมเปญ การทำโปรโมชั่น และการแจกโค้ดส่วนลด
  • ติดตามเป้าหมายประจำสัปดาห์: ประเมินยอดขาย ค่าโฆษณา และสถิติต่าง ๆ

นี่เป็นเพียงสรุปประเด็นสำคัญที่ผู้ขายทั้ง 8 ท่านจากโครงการ Certified Shopee Expert Program (CSEP) ประจำปี 2566 หากสนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/blog/400

รู้จัก 8 เมนเทอร์ส่งต่อ ‘ความสำเร็จ’ จากผู้ขายสู่ผู้ขาย

CSEP คือ โครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้ขายที่ได้รับการรับรองจาก Shopee อย่างเป็นทางการ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดอบรมให้ความรู้แก่ร้านค้าต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าเทคนิคและประสบการณ์การทำธุรกิจ รวมถึงแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับร้านค้าใหม่ ๆ

ก่อนที่จะมาเป็นวิทยากรพิเศษ Shopee Mentor ประจำปี 2023 เหล่าสุดยอดผู้ขายที่ได้รับการคัดเลือกต้องผ่านการประเมินหลักสูตรอบรมสำหรับวิทยากรมืออาชีพ เพื่อบรรยายให้ความรู้แก่ร้านค้าอื่น ๆ และผู้สนใจ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมงาน Shopee University

ทีมงาน Shopee University

คุณไกด์กิตติพงศ์​ สุนทรสิริพงศ์จากร้าน GUIDE_AUTO มาแชร์ในหัวข้อ “ขายอะไรบน Shopee เลือกสินค้ามาขายแบบไม่มโน” มาแชร์เทคนิคดี ๆ ในการเลือกสินค้ามาขายบน Shopee โดยนำ data มาวิเคราะห์เพื่อการสร้างยอดขาย

  • การประเมินมูลค่าตลาดจาก open data ของ Shopee
    • วิธีการดูเครื่องมือของ open data ทีละขั้นตอน
    • แนวทางการนำข้อมูลไปใช้จริง

คุณแก๊ปสราวุธชุโนทัยสวัสดิ์จากร้าน Chunodecor มากับหัวข้อ “แค่ปรับ Branding ก็เปลี่ยนคุณเป็นผู้ชนะในตลาด” ที่มาแชร์เทคนิคการสร้างเอกลักษณ์ของร้านค้าให้โดดเด่นด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ

  • ภาพปัง ออเดอร์มา
    • หน้าร้านดี ลูกค้าจำ
    • แค่ปรับคำ ยอดขายพุ่ง

คุณเป้สุริยาแซ่เตียจากร้าน Home Camera มากับหัวข้อ “แชร์เทคนิคประหยัดค่ายิงโฆษณาแบบเห็นผล” ที่มาแชร์เทคนิคการยิงโฆษณาให้ผู้ขายเริ่มต้นทำโฆษณากับ Shopee ได้แบบไร้กังวล

  • 4 Checklists ที่ควรมีก่อนยิง Ads
    • วางแผนงบยิง Ads สำหรับมือใหม่
    • เทคนิคประหยัดค่า Ads

คุณบิ้วภวัญญาม้าลายทองจากร้าน Golden Zebra Jeans มากับหัวข้อ “How to พิชิตอันดับ 1 สินค้าขายดีประจำสัปดาห์” กับเทคนิคเพิ่มการมองเห็นให้สินค้าและร้านค้าติดอันดับบนหน้าแรก ๆ

  • สินค้าขายดีประจำสัปดาห์บน Shopee คืออะไร
    • ติดอันดับสินค้าขายดีประจำสัปดาห์แล้วดีอย่างไร
    • 6 องค์ประกอบพิชิตอันดับ 1 สินค้าขายดีประจำสัปดาห์

คุณปาล์มสมิตราผลภาษีจากร้าน Hello Mom (Official Shop) มากับหัวข้อ “สูตรไม่ลับ จับเงินล้าน กับ Shoppe Live” ที่แชร์เทคนิคและประสบการณ์การไลฟ์ที่พบและปรับปรุงฝึกฝนจนได้จับเงินล้าน

  • Live แรกได้ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้ว
    • เทคนิคเพิ่มผู้เข้าชมและผู้ติดตาม
    • ปิดการขายได้ยอด

คุณปลั๊กอนุสรณ์สัทธาธิกรณ์จากร้าน MBAAUDIOTHAILAND มากับหัวข้อ “การสร้างวิดีโอขายสินค้าที่ให้มากกว่าการขายสินค้า” กับเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการขายให้ไม่ธรรมดาด้วยวิดีโอรูปแบบต่าง ๆ

  • ทำไมต้องสร้างวิดีโอ
    • 4 เทคนิคทำวิดีโอให้น่าสนใจ
    • 5 รูปแบบวิดีโอสำหรับร้านค้า

คุณอ๊อกภฤศแกมคำจากร้านเก็บพุงดอทคอมมากับหัวข้อ “ขายของออนไลน์ทางเลือกให้อยู่รอดของมนุษย์เงินเดือน” ที่แชร์เทคนิคสำหรับการทำทั้งงานประจำและขายของออนไลน์ หนทางสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น

  • ทำไมต้องมีรายได้หลายช่องทาง
    • ขายของออนไลน์ทางเลือกของคนอยากมีรายได้เสริม
    • ขายบน Shopee ดีกับคนที่ทำงานประจำอย่างไร

คุณเต้ชลวัชรเรืองรุจิระจากร้านมะม่วงหิมพานต์เผาโบราณ Grand Mon Adead กับหัวข้อ “โปรแกรมร้านโค้ดคุ้ม” แชร์ประสบการณ์แบบเจาะลึกและกลยถทธ์ในการเข้าโปรแกรมให้คุ้มค่า

  • ส่งฟรีร้านโค้ดคุ้ม ส่วนลดร้านโค้ดคุ้มคืออะไร
    • คำแนะนำในการเลือกโปรแกรมให้เหมาะกับร้านค้า
    • วิธีการสมัครเข้าร่วมโปรแกรมและค่าธรรมเนียมโปรแกรม

นอกจากโครงการนี้ Shopee ได้ดำเนินการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ไทย เพื่อให้สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น

  • จับมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดแคมเปญ “SME POWER UP 2023” หนุนสินค้าจากผู้ประกอบการกว่า 1,000 รายบนแพลตฟอร์ม Shopee
    • ร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชนเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ OTOP จาก 16 จังหวัดทั่วประเทศ และร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อสนับสนุนร้านค้าท้องถิ่นให้นำเสนอสินค้าของตนในแพลตฟอร์มออนไลน์ได้

ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการไทยผ่านวิดีโอสั้นชุด ‘Smart E-commerce Entrepreneur’ ทั้งด้าน ‘การทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซ’ และ ‘การเงินเพื่อธุรกิจออนไลน์’นอกจากนี้ สามารถติดตามอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ กับทางช้อปปี้ รวมถึงเพิ่มความรู้การขายออนไลน์และการเพิ่มผลลัพธ์ทางการขายได้ทุก ๆ ช่องทาง ของ Shopee University

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ