TH | EN
TH | EN
หน้าแรกTechnologyทริพเพิล ไอ ปรับแผนธุรกิจ ชูกลยุทธ์ 'Logistics and Beyond'

ทริพเพิล ไอ ปรับแผนธุรกิจ ชูกลยุทธ์ ‘Logistics and Beyond’

เพราะเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน ที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากวิกฤติการระบาดของโควิด-19 หลายอุตหากรรมรวมถึงอุตสาหกรรมที่มีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ จำเป็นต้องปรับตัวขนานใหญ่ หลายบริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ปิดพรมแดนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการระบบโครงข่ายโลจิสติกส์แบบครบวงจรกลับสวนกระแสตลาดซบเซา ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ที่สามารถสร้างกำไรต่อเนื่องได้ถึง 100.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการเติบโตถึง 75.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และเติบโตได้ถึง 16.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์จำกัด (มหาชน) หรือ III กล่าวว่า ความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากการที่บริษัทวางแผนที่จะปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้ธีม Logistics and Beyond ที่ให้บริการมากกว่าโลจิสติกส์ ซึ่งทริพเพิลไอได้ปรับบริษัทเป็น Operating Holding แบบเต็มรูปแบบไปลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้จากเดิมที่มีแค่ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก 

ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ทริพเพิล ไอ มีรายได้เพิ่มเติมจากส่วนแบ่งกำไรที่ได้ลงทุนในธุรกิจใหม่เป็นอย่างดี ซึ่งทิพย์ มั่นใจว่าด้วยทิศทางและสถานการณ์ของไตรมาส 3 ทำให้ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมคาดการณ์ว่า ทริพเพิล ไอ น่าจะเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 2020 ก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม ทิพย์ยอมรับปัจจัยว่าความท้าทายต่าง ๆ จะยังคงดาหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บางส่วนคาดการณ์ได้ บางส่วนไม่อาจคาดจะคาดการณ์ได้ ดังนั้น ทริพเพิล ไอจึงต้องปรับตัวเอง ไม่อาจพึ่งพาโครงสร้างการบริหารแบบเดิม ๆ เพื่อเติบโตได้อีกต่อไป 

ธุรกิจโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่ขนส่งระหว่างประเทศ ขนส่งในประเทศ การบริหารจัดการขนส่ง รวมถึงจนส่งแบบเดลิเวอรี่ ทุกประเภทมีความท้าทายต่างกัน

ทั้งนี้ ในสายงานที่ทริพเพิล ไอ ดูแลอยู่ รวมถึงสายงานที่ทริพเพิล ไอ เตรียมจะเข้าไปลงทุน ความท้าทายมีอยู่ 2-3 ประการด้วยกัน คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีดิสรัปชันบางส่วน และการปรับราคาค่าระวาง รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งต่าง ๆ 

ทิพย์ กล่าวว่า ความท้าทายทั้งหมดทำให้บริษัทเดินหน้าแตกกลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ Business Development Unit (BU5) เพิ่มเติม จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักที่มีอยู่เดิม เพื่อรองรับเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค และบทบาทของเทคโนโลยีที่ จะสามารถเข้ามาสนับสนุนธุรกิจมากขึ้น โมเดลธุรกิจจะครอบคลุมทั้งการพัฒนาบริการใหม่ ๆ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2023 จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างสัดส่วนรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 50% ของผลประกอบการรวมของบริษัทฯ และธุรกิจใหม่นี้จะเป็นแหล่งรายได้ในระยะยาว

“การแตกไลน์เข้าไปลงทุนธุรกิจใหม่ที่ว่านี้ มีตั้งแต่การเป็นตัวแทนบริการขนส่งโลจิสติกส์สำหรับสายการบิน การดูแลดำเนินงานจุดรับ-ส่งพัสดุสินค้า การจับตลาดขนส่งทางราง โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน และการรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” 

ทิพย์ ย้ำว่า การเข้าไปลงทุนของทริพเพิล ไอ จะเน้นเข้าไปในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ ที่จะทำให้ทริพเพิล ไอ เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาคผ่านโมเดลธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งการขยายธุรกิจเพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่และเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรม ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้บริการปลายทาง สร้างมิติใหม่ในธุรกิจด้านโลจิสติกส์

ในส่วนของการตั้ง Business Development Unit (BU5) ทิพย์ อธิบายว่า จะช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวมากกว่าการดำเนินงานภายใต้โครงสร้างเดิม เพื่อรองรับความต้องการของบรรดาคู่ค้าและลูกค้า ขณะที่กลยุทธ์ “Logistics and Beyond” คือ การขยายขอบเขตการให้บริการต่อยอดบริการเดิมที่มีอยู่ รวมไปถึงพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์โมเดลใหม่ที่แตกต่างไปจากธุรกิจรูปแบบเดิม 

ทั้งนี้ โครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของ BU5 ในปัจจุบันของทริพเพิล ไอ ประกอบด้วย 1) การเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค โดยการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจขายระวางสินค้าสายการบินในครั้งนี้ เป็นการประสานร่วมกันระหว่างบริษัทฯ กับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขันการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีอุปสงค์ในการขนส่งสินค้าทางอากาศสูง เมื่อเทียบกับอุปทานที่ยังไม่สามารถตอบสนองได้จากสถานการณ์การบินในปัจจุบัน

“บริษัทฯ จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนใน ANI เพิ่มเติม เป็นเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัท เอเชีย จีเอสเอ (เอ็ม) เซินดิเรียน เบอร์ฮัด (ASIA GSA (M) Sdn. Bhd. ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 732 ล้านบาท โดยจะรวมศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ไว้ที่ประเทศไทย และกระจายจัดตั้งสำนักงานสาขาในอีกกว่า 10 เมืองของภูมิภาคนี้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา และมีแผนที่จะนำ ANI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Asia GSA (M) ในอนาคต”

โครงการที่ 2) คือการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศสำหรับกลุ่มลูกค้าอี-คอมเมิร์ซ เตรียมต่อยอดจากการเข้าไปลงทุนใน ShipSmile ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการในการขนส่งพัสดุ และเป็นจุดรวบรวมการขนส่งพัสดุภายในประเทศจากบริษัทขนส่งชั้นนำ

“เราตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาจากกว่า 4,000 สาขา เป็น 10,000 สาขาภายในปีหน้า พร้อมเพิ่มความหลากหลายของบริการ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส รับจองตั๋ว รับชำระค่าบริการ ขณะเดียวกันก็วางตำแหน่งของ ShipSmile เป็น Express Shop ที่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการขนส่งพัสดุทุกรายที่ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบอัตราค่าบริการ โปรโมชั่น และตารางเวลาจัดส่ง เป็นทั้งจุดรับและส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการ โดยเป็นการผสานทั้งช่องทางแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพิ่มตัวเลือกให้กับทั้งลูกค้าและคู่ค้าของ ShipSmile”

โครงการที่ 3 ก็คือ การพัฒนาบริการขนส่งสินค้าในระบบราง เพื่อขยายเส้นทางขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศ เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าลาว-จีน (BRI) ซึ่งอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาตร์ของประเทศไทยในการเป็นฮับระดับภูมิภาค และเป็นศูนย์กระจายสินค้าในอาเซียน โดยทริพเพิล ไอ คาดว่าจะสามารถให้บริการระบบรางได้ภายในไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งจะครอบคลุมเส้นทางขนส่งทางรางตั้งแต่ มาเลเซีย กรุงเทพ แหลมฉบัง ลาว จีนตอนใต้และตะวันตก ขณะที่บริษัทขนส่งทางรางในประเทศจะเริ่มให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งบริษัทจะให้บริการขนส่งทางบกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากสถานีรถไฟไปยังจุดหมายที่ลูกค้าต้องการ

ขณะที่โครงการที่ 4 คือ การพัฒนา E-Logistics Platform เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ โดยจะขยายสู่การให้บริการแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าทั้งกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าและผู้ขายสินค้าออนไลน์ ตั้งแต่การให้บริการคลังสินค้าที่มีอยู่แล้ว ไปจนถึงบริการด้าน Digital Marketing Agency 

“ทริพเพิลไอ ได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล เพื่อเสนอโซลูชันในการวางแผนการตลาดที่เจาะได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มโอกาสให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์สามารถขยายช่องทางเติบโตของยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งมาร์เก็ตเพลส และโซเชียล มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น”

และโครงการสุดท้ายก็คือ การเพิ่มบริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิให้กับสินค้ากลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ เป็นการต่อยอดความชำนาญและจุดแข็งในธุรกิจบริการจัดส่งสินค้าและโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง คือการจัดส่งด้วยการควบคุมอุณหภูมิ สำหรับสินค้าอาหารและยา/เวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นโอกาสแหล่งรายได้ใหม่ที่บริษัทฯ สนใจทำอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมา ทริพเพิล ไอ ได้มีการเปิดสำนักงานที่สิงคโปร์ โฟกัสกลุ่มขนส่งวัคซีนและยาที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการขนส่งและจัดเก็บ

ทั้งนี้ ด้วยการผสานศักยภาพกลุ่มธุรกิจหลักที่มีอยู่เดิม และการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้ BU5 ทิพย์มั่นใจว่า จะช่วยให้บริษัทมียุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรรูปแบบใหม่ ที่มีการประยุกต์เทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ส่งเสริมขีดความสามารถของธุรกิจให้เติบโตตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทั้งกลุ่มทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ คู่ค้า และลูกค้า อีกทั้งการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยโดยรวมต่อไป 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ