TH | EN
TH | EN
หน้าแรกLife5 คุณสมบัติเด่นใน iPhone และ Apple Watch ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน

5 คุณสมบัติเด่นใน iPhone และ Apple Watch ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน

เนื่องในวันเบาหวานโลก (14 พ.ย.) Apple เผยผลการศึกษา Apple Heart and Movement Study และ Apple Women’s Health Study ซึ่งเป็นงานวิจัยสาธารณะที่เริ่มทำการศึกษาเมื่อปี 2019 โดย Apple ได้ข้อสรุปที่ช่วยเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีต่อระดับน้ำตาล รวมถึงความท้าทายบางส่วนที่ผู้เป็นเบาหวานต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งรวมถึงการคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในช่วงเป้าหมายในระหว่างที่มีรอบเดือน 

จากข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ ในงานวิจัยนี้ รวมถึงข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมจากผู้เป็นเบาหวาน Apple ขอนำเสนอ 5 คุณสมบัติเด่นใน iPhone และ Apple Watch ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เป็นเบาหวาน เช่น แอปกิจกรรม, การติดตามรอบเดือน, แอปนอนหลับ, ID ทางแพทย์ และแอปของบริษัทอื่น

ข้อมูลใหม่ ๆ ที่นักวิจัยของ Harvard and Brigham & Women’s Hospital ได้จากการศึกษามีดังนี้

ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรม

  • เมื่อผู้เข้าร่วมการวิจัยเพิ่มระยะเวลาออกกำลังกายโดยเฉลี่ยหรือจำนวนก้าวโดยเฉลี่ยในวันใดก็ตาม พบว่าระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. นั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่า 30 นาทีต่อวันมีระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วง 70-180 มก./ดล. มากถึง 78.8% ของเวลาที่ใช้
  • ผู้เข้าร่วมการวิจัยที่เป็นผู้หญิงและเดินมากกว่า 10,000 ก้าวต่อวันมีระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. มากที่สุด เมื่อเทียบกับตัวเลข 76.4% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยที่เป็นผู้ชาย

ในส่วนที่เกี่ยวกับรอบเดือน:

  • การวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในระหว่างรอบเดือนรวมทั้งหมด 1,982 รอบแสดงให้เห็นว่าระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. นั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระยะฟอลลิเคิล ซึ่งเป็นระยะที่ระดับโปรเจสเตอโรนลดลง (68.5% ของวัน) เมื่อเทียบกับในระยะลูเทียล (66.8% ของวัน)
  • นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ผู้เข้าร่วมการวิจัยมีระดับน้ำตาลสูงกว่าช่วงเป้าหมายยังลดลงเล็กน้อยด้วยในระยะฟอลลิเคิล (28.9%) เมื่อเทียบกับในระยะลูเทียล (30.9%)
  • กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome – PCOS) และดัชนีมวลกายที่สูงกว่า 30 กก./ตร.ม. สามารถเพิ่มภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลตามมา โดยมีการวิเคราะห์ผู้เข้าร่วมการวิจัยกลุ่มย่อยที่มีอาการดังกล่าวและพบว่าระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วง 70-180 มก./ดล. นั้นลดลงมาอยู่ที่ 63.9% ในระยะฟอลลิเคิล เมื่อเทียบกับตัวเลข 72.1% ของผู้ที่ไม่มีอาการดังกล่าว และยังพบแนวโน้มนี้ในระยะลูเทียลเช่นกันโดยมีระยะเวลาที่น้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 62.7% เทียบกับตัวเลข 69.9% ของผู้ที่ไม่มีอาการดังกล่าว

นักวิจัยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจพบเบาหวานตั้งแต่เนิ่น ๆ และการจัดการระดับน้ำตาลอย่างเข้มงวด ซึ่งสามารถลดความความเสี่ยงและความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างได้

Calum MacRae, M.D., Ph.D., อายุรแพทย์หัวใจ, อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์แห่ง Harvard Medical School และผู้วิจัยหลักของ Apple Heart and Movement Study ที่ Brigham and Women’s Hospital ให้ข้อมูลว่า การส่งเสริมให้ผู้ใช้เคลื่อนไหวสรีระของตัวเองในทิศทางที่ถูกต้องนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพและการแพทย์แบบแม่นยำที่เจาะจงเป็นรายบุคคล และ Apple Watch ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงด้านหัวใจและเมแทบอลิกของตนเอง

“ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม สามารถช่วยเราแต่ละคนจัดการกับความท้าทายด้านเมแทบอลิกเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดเบาหวาน หรือเพื่อให้สามารถควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้นในกรณีที่เป็นอยู่”

“ผมตื่นเต้นที่ได้เห็นการนำข้อมูลการออกกำลังกายมารวมกับข้อมูล CGM โดยใช้ Apple HealthKit ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น และยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจในอนาคต”

ขณะที่ Shruthi Mahalingaiah, MD, MS, FACOG, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อนามัยเจริญพันธุ์ และสุขภาพสตรีจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health, ผู้ร่วมวิจัยหลักของ Apple Women’s Health Study กล่าวว่า ในการวิเคราะห์เบื้องต้นนั้น ทีมวิจัยของเราพบรูปแบบที่น่าสนใจขณะวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องระหว่างช่วงที่มีรอบเดือนในกลุ่มของผู้ที่รอบเดือนมาสม่ำเสมอ โดยในระยะฟอลลิเคิล ซึ่งเป็นระยะที่ระดับเอสโตรเจนจะเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่โปรเจสเตอโรนอยู่ในระดับต่ำ เราสังเกตเห็นว่าระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมายนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการค้นพบครั้งนี้ก็มีโอกาสช่วยให้เราจัดการกับภาวะเบาหวานได้ดีขึ้นอีกมาก โดยการให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าสำหรับปรับการคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสมที่สุด

“ความสัมพันธ์ระหว่างรอบเดือน ระดับน้ำตาล และความไวต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนต่างๆ อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนนั้น เป็นสิ่งที่เราพบในผลการวิจัยเบื้องต้น และการวิเคราะห์ในเบื้องต้นนี้ก็อาจช่วยปูทางไปสู่การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระยะต่างๆ ของรอบเดือนและระดับน้ำตาลที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการจัดการกับโรคเบาหวาน”

การใช้งาน iPhone และ Apple Watch

  • แอปกิจกรรม: ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ อย่างการออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยคุมระดับน้ำตาลได้ และแอปกิจกรรมก็ให้คุณตั้งเป้าหมาย บันทึกระยะเวลา และยังช่วยเตือนให้คุณทำตามเป้าหมายการออกกำลังกายที่ตั้งไว้ด้วย
  • การติดตามรอบเดือน: คุณสามารถติดตามรอบเดือน ดูการคาดคะเนรอบเดือน รวมถึงการคาดคะเนช่วงเวลาไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง เพราะการเข้าใจว่าคุณอยู่ในระยะไหนของรอบเดือน และการรู้ว่าแต่ละระยะส่งผลต่อระดับน้ำตาลอย่างไรอาจช่วยในการจัดการกับโรคเบาหวานได้
  • การนอนหลับ: การนอนหลับอย่างสม่ำเสมอหรือการนอนไม่เพียงอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลได้ และแอปนอนหลับก็ให้คุณตั้งตารางการนอน รับการแจ้งเตือนเมื่อถึงช่วงเวลาผ่อนคลายก่อนเข้านอน และติดตามว่าคุณทำตามเป้าหมายการนอนหลับได้ดีแค่ไหน
  • ID ทางแพทย์: ในแอปสุขภาพ คุณสามารถอัปเดต ID ทางแพทย์เพื่อระบุข้อมูลเกี่ยวกับโรคเบาหวานและการทานยา ซึ่งสามารถแชร์กับผู้อื่นได้หลายวิธีในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
  • แอปของบริษัทอื่น: นอกจากนี้ยังมีแอป iOS ของบริษัทอื่นอีกหลายแอปที่ใช้ร่วมกับตัววัดระดับน้ำตาลอย่าง CGM ที่จะช่วยผู้ใช้วัดและติดตามระดับน้ำตาลของตัวเอง และบางแอปยังให้คุณดูระดับน้ำตาลได้โดยตรงจากกลไกหน้าปัดบน Apple Watch ในขณะที่บางแอปมีแอปสำหรับใช้งานคู่กันเพื่อให้สมาชิกครอบครัวดูระดับน้ำตาลของคุณได้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สื่อและการสื่อสารใน 3 เหตุการณ์ยิงใส่ฝูงชนในประเทศไทย

BMHH เผยพบคนไทยป่วยซึมเศร้า เป็นอันดับหนึ่ง แนะหมั่น “สำรวจ เข้าใจ รู้เท่าทัน” จิตใจและอารมณ์ตัวเอง

เทรนด์หวานน้อยมาแรง! LINE MAN Wongnai เผยผู้บริโภคส่วนใหญ่สั่งเครื่องดื่มหวาน 50%

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ