TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusiness“Jump Thailand” จาก “ภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทย" สู่พันธกิจขับเคลื่อนประเทศไทยโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“Jump Thailand” จาก “ภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทย” สู่พันธกิจขับเคลื่อนประเทศไทยโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ทุกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ที่มีพลัง เช่นเดียวกันกับโครงการ “ภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทย Jump Thailand” ที่เกิดจาก ไม้ขีดไฟก้านแรก “AIS Academy” ที่เริ่มดิสรัปนวัตกรรมจากภายในสู่ภายนอก จนต่อยอดขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจนปัจจุบันมีสมาชิกในชุมชนกว่า 15,000 คน 

จากโครงการ Academy for Thais ที่เห็นว่ามีกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ที่จะรับมือกับดิจิทัล ดิสรัปชัน สู่ Jump Thailand ภารกิจคิดเผื่อ ซึ่งขับเคลื่อนผ่าน 3 แกนสำคัญ คือ 

Jump over the Challenge คือ การสร้างและพัฒนาอาชีพ โดยมุ่งสร้างโอกาส และการนำการศึกษาไปสู่กลุ่มคนห่างไกลและมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการศึกษา ซึ่งการสร้างอาชีพไม่ใช่แค่การสร้างผลิตภัณฑ์แล้วจบ แต่ต้องช่วยให้เขานำเสนอผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องลงทุนสูง โดยทาง Shopee เข้ามามีบทบาทสำคัญช่วยในส่วนนี้

Jump with Edtech คือ การขยายการเรียนรู้ โดยเฉพาะผ่านระบบดิจิทัล การพัฒนาศักยภาพของครูผู้สอน การนำเทคโนโลยีเปิดโอกาสการเรียนรู้ ให้เข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้นไปได้กว้างไกลขึ้น องค์ความรู้มีมากมายและหลากหลายทั้งในระบบการศึกษาปกติและระบบติวเตอร์ เช่น ห้องสมุดดิจิทัลปันความรู้ เป็นต้น

Jump to Innovation คือ การทำงานด้านนวัตกรรม โดยนำนวัตกรรมมาสู่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเป็นรูปธรรม สถาการณ์โควิดยิ่งทำให้ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญและคนมีศักยภาพที่จะใช้ดิจิทัลมาเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เอไอเอสเปิดรับเจ้าของความคิดมาร่วมสร้างนวัตกรรมร่วมกัน อาทิ การสร้างคุณภาพอากาศที่ดี เป็นต้น

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลกลุ่ม บริษัท AIS และกลุ่มอินทัช กล่าวว่า เอไอเอส ในฐานะที่องค์กรทำงานด้านดิจิทัลและได้ดิสรัปตัวเองมาพอสมควร AIS Academy เองเริ่มจากภายในก่อน นำสิ่งที่เรียนรู้จากภายในสู่ภายนอก หลายสิ่งที่ทำ นำมาจากสิ่งที่ทำและบทเรียนที่ได้จากการทำภายในองค์กร แต่คิดเผื่อและเอื้อมมือออกไปภายนอกสู่สังคม 

“จากเดิมที่ไปสร้างห้องสมุด สร้างโรงเรียน สร้างศาลา ปรับมาใช้ทักษะของ “อุ่นใจอาสา” ในการทำอาหาร สร้างหัตถกรรม มาแบ่งปันผู้คนข้างนอกเพื่อให้คนสามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพได้” กานติมา กล่าว

โครงการ “ภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทย Jump Thailand” เป็นความร่วมมือที่ได้ทำงานร่วมกันมากับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์ที่ทำให้เกิดความร่วมมือกับทุกภาคส่วนผสานความร่วมมือเข้าด้วยกัน ใช้จุดแข็งของตัวเอง ผลักดันให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

“เอไอเอสเชื่อว่า องค์กรเพียงองค์กรเดียว หรือว่าภาครัฐอย่างเดียว หากต่างคนต่างทำ พละกำลังย่อมมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกัน และเอไอเอสไม่สามารถทำทุกอย่างได้แต่เพียงผู้เดียว” กานติมา กล่าว

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ยากว่าแต่ละการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไร ความท้าทายนี้ส่งผลต่อภาครัฐ​ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และองค์กรต่าง ๆ ในการยกขีดความสามารถของคน 

สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญ คือ ขีดความสามารถและศักยภาพในการพัฒนาคน ตลอดจนคนที่พัฒนานั้นต้องมีความดีและจริยธรรม การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญของการทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม

ด้วยสภาวการณ์และความท้าทายจากวิกฤติโควิด-19 และดิจิทัลดิสรัปชัน โอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ของคนมีความแตกต่างและเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในเยาวชนของชาติที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและมีกำลังทรัพย์ที่แตกต่างกัน 

ปัญหาอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที แต่การขยับตัวของภาคเอกชนและภาครัฐร่วมมือกันเพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าถึงองค์ความรู้อย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยทำให้เด็ก ๆ ที่อยู่ชายขอบ หรืออยู่ในโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และลดความเหลื่อมล้ำในโอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้ 

การก้าวกระโดดของประเทศคนคือหัวใจ 

การวางระบบห้องสมุดดิจิทัลตามโรงเรียนชายขอบและถิ่นทุรกันดาร นวัตกรรมที่ทำร่วมกับ NIA และ Shopee สิ่งที่สำคัญ คือ คนต้องมีทักษะ หลายครั้งพบว่าคนไทยขาดโอกาสในการเข้าถึง และการเรียนในอนาคตไม่ได้หมายถึงการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น

สถานฑูตแคนาดาและเอไอเอสเห็นตรงกันว่า การเรียนผ่านระบบดิจิทัลและต่อยอดภายหลัง จะทำให้โอกาสของคนไทยและเด็กไทยเข้าถึงองค์ความรู้ที่มีการปรับเหมาะสม อาทิ ไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศ  100% ของการเรียน ทำให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลดลง เด็กไทยและคนไทยจากทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายจากแคนาดาได้จากแพลตฟอร์มที่เอไอเอสได้วางไว้ 

พันธมิตรทั้งหมดที่ทำงานด้วยกันทั้งกระทรวง พม. NIA Shopee สถานฑูตแคนาดา และพันธมิตรอีกมากมาย ทั้งหมดกำลังพยายามทำเพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย มุ่งหวังการพัฒนาประเทศเป็นจุดสำคัญ ไม่ใช่การให้สิ่งของแต่เป็นการให้ความรู้และโอกาสซึ่งยั่งยืนกว่า 

บทบาทของสถานฑูตแคนาดา คือ international partner เป็นการช่วยทำให้ life long learning ตอบโจทย์มากขึ้นใน next normal การเข้าถึง (accessibility) ช่วยให้คนสามารถเข้าเรียนหนังสือช่วงไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ กับเครื่องไม้เครื่องอันไหนก็ได้ และไม่จำกัดเพียงในประเทศใดประเทศหนึ่ง

การเรียนไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เรียน คือ เยาวชน ไปจนถึงผู้ที่ทำงานแล้ว หรือคนที่เกษียณแล้ว แพลตฟอร์ม Learn Di ช่วยให้ผู้เรียนได้วางแผน life long learning ของตัวเอง ผู้เรียนเรียนจบหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งจะได้รับ micro credential ไปเรื่อย ๆ เพื่อล่นเวลาในการเรียนต่อได้ ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2565 

กานติมา กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ช่วงแรกอาจถูกมองว่าเป็นความท้าทาย เพราะวิถีและระบบการทำงานมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานกับภาครัฐจากโครงการนี้ คือ การประสานกันและใช้จุดแข็งของกันและกัน ยอมรับข้อแตกต่าง 

AIS Academy เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การพัฒนาในด้านเทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม และการสร้างคนให้มีความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม ผ่านระบบดิจิทัล การร่วมมือกับภาครัฐจะทำให้สิ่งเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืน และขยายผลได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 15,000 คน 

Jump Thailand … คืนคุณให้กับแผ่นดิน

การสร้าง Jump Thailand เป็นนโยบายของคณะกรรมการบริหารและคณะผู้บริหารที่มุ่งเน้นว่า ภารหน้าที่ของคนเอไอเอส ไม่ได้หมายถึงการเติบโตเฉพาะองค์กรเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเอไอเอส คือ หน้าที่ของลูกไทยหลายไทย ที่จะทำหน้าที่คืนคุณให้กับแผ่นดิน

Jump Thailand เป็นภารกิจที่ทำต่อเนื่องมาทุกปี และมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ ที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยทำให้โครงการเหล่านี้มีความยั่งยืน 

“เราเชื่อว่าเอไอเอสมีหน้าที่ที่สำคัญมากไปกว่าเรื่องของการเติบโตขององค์กรเพียงอย่างเดียว คือ หน้าที่ของความเป็นคนไทยที่จะทำให้สังคมไทยแข็งแกร่ง เชื่อว่าการประสานกับพันธมิตรจะทำให้โครงการเหล่านี้เป็นไปอย่างยั่งยืน” 

กานติมา กล่าวว่า วันที่เริ่มทำเป็นโครงการเล็ก ๆ แต่วันนี้ได้รับโอกาสที่ได้รับโอกาสเป็นโครงการที่มีความร่วมมือที่มากขึ้น คณะทำงานถือว่าความแข็งแกร่ง คือ การประสานความร่วมมือกันในสังคม ใช้จุดแข็งของแต่ละองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดศักยภาพและผลสัมฤทธิ์ของงาน

ปีหน้าจะเห็นการทำงานกับภาครัฐเป็นจุดที่เปิดประตูให้โครงการไปถึงผู้รับได้มากอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มทำงานกับภาครัฐมา 4-5 เดือน ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและเกิดพันธมิตรขึ้นมากมาย

“เอไอเอส หวังเพียงเป็นไม้ขีดไฟอีกก้านหนึ่งที่จะทำให้สังคมไทยจุดประกายสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมกันพัฒนาศักยภาพของคนไทย สร้างสังคมที่แบ่งปัน สังคมแห่งการคิดเผื่อ สังคมแห่งการเอื้อมมือเข้าหากัน เพื่อเป้าหมาย คือ ผลประโยชน์ของแผ่นดินเป็นหลัก” การติมากล่าวทิ้งท้าย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ