TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistBualuang Knowledge Sharingเปิดโอกาสลงทุนหุ้นใหญ่ยุโรป และ ETF ชั้นนำฮ่องกง ด้วย DR01

เปิดโอกาสลงทุนหุ้นใหญ่ยุโรป และ ETF ชั้นนำฮ่องกง ด้วย DR01

ปี 2566 เป็นปีที่ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น เช่น ดัชนี S&P 500 และ NASDAQ ของสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นกว่า 19% และ 36% นับจากต้นปีตามลำดับ หรือ ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นที่บวกราว 29% เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ยังมีบางตลาดที่ถือว่าค่อนข้าง laggard เมื่อเทียบกับตลาดข้างต้น เช่น ดัชนี EURO STOXX 600 ที่สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นยุโรป ปรับขึ้นเพียง 7% นับจากต้นปี โดยถูกกดดันจากความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลัง GDP ยุโรป ไตรมาส 3 ปี 2566 ขยายตัวเพียง 0.1% ดังนั้น การลงทุนในหุ้นยุโรป นักลงทุนจึงอาจต้องใช้กลยุทธ์ Selective เลือกอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มโตดีกว่าภาพรวมตลาด เช่น กลุ่มสินค้าหรูและเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น ในขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงก็เป็นอีกตลาดที่ laggard เช่นกัน โดยดัชนี Hang Seng ปรับลงราว 11% นับจากต้นปี หลังเศรษฐกิจจีนโตช้ากว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดี มูลค่าหุ้นฮ่องกงถือว่าค่อนข้างน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยดัชนี Hang Seng มี P/E 12 เดือนข้างหน้าเพียง 8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ราว 2 s.d. (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566)

สำหรับบริษัทชั้นนำในกลุ่มสินค้าหรูของยุโรป คือ LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE (MC) หรือ LVMH ผู้ครองอาณาจักรแบรนด์สินค้าหรูกว่า 75 แบรนด์ เช่น Louis Vuitton, Christian Dior เป็นต้น ครอบคลุมสินค้าที่หลากหลาย เช่น สินค้าแฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องประดับ เป็นต้น โดยบริษัทเน้นใช้กลยุทธ์ควบรวมกิจการเพื่อขยายความหลากหลายของแบรนด์ จึงทำให้ LVMH เป็นผู้นำตลาดสินค้าแบรนด์หรูของโลกด้วยส่วนแบ่งการตลาด 59% อีกทั้งยังมีอำนาจในการกำหนดราคาสูง และสามารถขึ้นราคาสินค้าได้ทุกปี อย่างกระเป๋าแบรนด์ Louis Vuitton มีการปรับขึ้นราคาราวปีละ 2-5% จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงราว 70%

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถที่จะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท LVMH ได้ผ่าน “DR LVMH01” ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงหุ้นสามัญ LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE (MC) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext Paris ด้วยอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 1,600 DR โดยหากคำนวณราคา DR ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนยูโรเทียบบาท และปรับด้วยอัตราอ้างอิงดังกล่าว ราคาของ DR LVMH01 จะอยู่ที่ราว 17.20 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566)

สำหรับกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป ทางฝั่งยุโรปจะมีบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเทคโนโลยีชิป และเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรม นั่นคือ ASML Holding (ASML) ผู้ผลิตเครื่องจักรที่ใช้สำหรับการผลิตชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์ โดยบริษัทมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าคู่แข่งที่เรียกว่า Extreme Ultraviolet Lithography (EUV) ที่สามารถพิมพ์ลวดลายลงบนชิปที่ละเอียดซับซ้อนเพื่อให้ชิปมีศักยภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งปัจจุบัน ASML เป็นผู้ครองเทคโนโลยีดังกล่าวรายเดียวของโลก จึงเป็นกุญแจสำคัญทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรผลิตชิปที่ส่วนแบ่งถึง 80%

ยิ่งไปกว่านั้น ASML ยังได้พัฒนาเครื่องจักรรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่ารุ่น EUV คือ เครื่อง High-NA EUV ซึ่งถือเป็นเครื่องผลิตชิปที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลกตอนนี้ มีราคาอยู่ที่ราว 14,000 ล้านบาท สูงกว่ารุ่น EUV ที่อยู่ที่ราว 7,000 ล้านบาท โดยเตรียมส่งมอบภายในปีนี้ และลูกค้ารายแรกคือบริษัทผลิตชิป Intel ทั้งนี้ในปัจจุบันนักลงทุนไทยก็สามารถที่จะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ASML ได้เช่นกัน ผ่าน “DR ASML01” ในตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงเป็นหุ้นสามัญ ASML Holding N.V. (ASML) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext Amsterdam ด้วยอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 1,200 DR ซึ่งหากคำนวณราคาด้วยอัตราแลกเปลี่ยนยูโรเทียบบาท และอัตราอ้างอิงดังกล่าว ราคาของ DR ASML01 จะอยู่ที่ราว 20.20 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566)

ในตลาดหุ้นฮ่องกงเชื่อว่านักลงทุนต้องคุ้นเคยกับดัชนี Hang Seng กันอยู่บ้างแล้ว เนื่องจากเป็นดัชนีสะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นฮ่องกง ประกอบด้วยหุ้นบริษัทจีนและฮ่องกง เช่น HSBC, Alibaba, AIA เป็นต้น โดยเมื่อครั้งก่อตั้งในปี 2512 ดัชนีมีหุ้นอยู่เพียง 33 ตัว ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 82 ตัวในปัจจุบัน และยังมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 100 ตัวในอนาคต ซึ่งนักลงทุนสามารถที่จะลงทุนอิงตามดัชนี Hang Seng ได้แล้วผ่าน “DR HK01” มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Tracker Fund of Hong Kong (2800) ที่อ้างอิงดัชนี Hang Seng ด้วยอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 5 DR ซึ่งหากคำนวณราคา DR ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ฮ่องกงเทียบบาท และอัตราอ้างอิงข้างต้น ราคาของ DR HK01 จะอยู่ที่ราว 16.50 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566) ขณะที่หลักทรัพย์อ้างอิงบริหารจัดการโดย Hang Seng Investment Management (HSVM) บลจ. อันดับ 1 ของฮ่องกงในแง่สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ

นอกจากนี้ในตลาดหุ้นฮ่องกงยังมีอีกหนึ่งดัชนีหลักที่เน้นอ้างอิงในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 50 ตัว เช่น Alibaba, Tencent, China Mobile เป็นต้น ซึ่งจะมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าดัชนี Hang Seng โดยแต่แรกเริ่มนั้นดัชนี Hang Seng China Enterprises จะเน้นหุ้นกลุ่ม Old Economy เป็นหลัก เช่น กลุ่มการเงินและพลังงาน มีสัดส่วนมากกว่า 70% ของดัชนี แต่ปัจจุบันเหลือเพียงราว 30% และกระจายไปยังกลุ่ม New Economy มากขึ้น เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและการแพทย์ เป็นต้น

อีกทั้งดัชนีได้มีการปรับใช้กลไก Fast Entry ตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 จึงทำให้สามารถเพิ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเข้าดัชนีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนสามารถคว้าโอกาสการลงทุนใหม่ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng China Enterprises ได้ผ่าน “DR HKCE01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng China Enterprises Index ETF (2828) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและบริหารจัดการโดย HSVM เช่นกัน ด้วยอัตราอ้างอิงที่ 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 15 DR และหากคำนวณราคา DR ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ฮ่องกงเทียบบาท พร้อมด้วยอัตราอ้างอิงดังกล่าว ราคาของ DR HKCE01 จะอยู่ที่ราว 18.80 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566)

ทั้ง 4 DR ที่กล่าวไปข้างต้น ได้แก่ LVMH01, ASML01, HK01 และ HKCE01 ได้เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย DR ด้วยบัญชีซื้อขายหุ้นไทย ผ่าน Streaming อีกทั้ง DR ยังสามารถซื้อขายได้ทั้งวันตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. แบบไม่มีพักกลางวัน ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการลงทุนใน DR ที่อิงหุ้นยุโรปอย่าง LVMH01 และ ASML01 คือ ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นยุโรป เปิดทำการพร้อมกัน ซึ่งคือเวลา 15.00–16.30 น. สำหรับช่วงเวลาปกติ แต่หากเป็นช่วง Daylight Saving Time หรือ วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน มี.ค. จนถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ต.ค. จะเป็นเวลา 14.00-16.30 น. ในขณะที่ DR ที่อิง ETF หุ้นฮ่องกง HK01 และ HKCE01 คือ ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและฮ่องกงเปิดทำการพร้อมกัน ซึ่งคือเวลา 10.00-11.00 น. และ 12.00-15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

นอกจากนี้หลักทรัพย์บัวหลวง ยังมี DR อีก 6 หลักทรัพย์ที่อ้างอิง ETF หุ้นสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง และเวียดนาม ได้แก่

  1. DR NDX01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC NASDAQ 100 ETF (3086) อิงดัชนี NASDAQ 100 ประกอบด้วยหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 105 ตัว เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
  2. DR CN01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188) อิงดัชนี CSI 300 หุ้นจีน A-Share ชั้นนำขนาดใหญ่ 300 ตัวแรกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น
  3. DR STAR5001 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Premia China STAR50 ETF (3151) ลงทุนอิงดัชนี STAR 50 หุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมบนกระดาน STAR จำนวน 50 ตัว
  4. DR CNTECH01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC Hang Seng TECH Index ETF (3088) ที่ลงทุนอิงดัชนี Hang Seng TECH บริษัทเทคฯ จีน เป็นที่รู้จักระดับสากล 30 ตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง
  5. DR E1VFVN3001 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN30 ETF (E1VFVN30) ที่อิงดัชนี VN30 หุ้นเวียดนามชั้นนำขนาดใหญ่ 30 ตัว
  6. DR FUEVFVND01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND) ลงทุนอิงดัชนี VN Diamond หุ้นเวียดนาม 18 ตัว ที่มีข้อจำกัดด้าน Foreign Ownership Limit (FOL)

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลของ DR แต่ละตัวเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหลักทรัพย์บัวหลวง www.bualuang.co.th/dr

กระจายการลงทุนได้รอบโลกผ่าน DR01

กระจายการลงทุนได้รอบโลกผ่าน DR01
ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ย. 2566

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน

หลักทรัพย์บัวหลวง คัดมาให้แล้ว “กองทุนลดหย่อนภาษีตัวท็อป”

ลงทุนต่างประเทศได้ง่าย ๆ กับ “GLOBAL TRADE MASTER”

หุ้นไทยออกข้างไต่ระดับ 1,700 จุด ลงทุนอย่างไร

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ