ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครถูกกำหนดเป็นพื้นที่โซนสีแดงที่ต้องควบคุมและเฝ้าระวังสูงสุดจึงมีการควบคุมการเข้า-ออกพื้นที่เพื่อใช้เป็นสถานกักกันตัวของคนพื้นที่ประมาณ 2,800 ราย เพื่อควบคุมโควิด-19 ไม่ให้กระจายออกสู่พื้นที่อื่น ซึ่งโรงพยาบาลสนามจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการรองรับผู้ป่วยเหมือนโรงพยาบาลเฉพาะหน้าและรองรับผู้ป่วยทุกกรณีไม่ใช่แค่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เท่านั้น
ดีแทคลุยเพิ่มสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยภาครัฐและสาธารณสุขรับมือโควิด-19 พื้นที่ 4 จุดสำคัญจังหวัดสมุทรสาคร เชื่อมต่อหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่และใช้อุปกรณ์ในการสื่อสารผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาที่ท้าทาย ทีมดีแทคได้เร่งขยายสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อทีมเจ้าหน้าที่แนวหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ดีแทคได้นำรถโมบายล์และติดตั้งเพิ่ม Massive MIMO รองรับประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าในพื้นที่สำคัญ เพื่อการสื่อสารที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมของบุคคลากรทางการแพทย์และผู้กักกันตัวได้เชื่อมต่อบุคคลที่รักและห่วงใยในช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด
ดีแทคได้ขยายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสู่พื้นที่ 4 แห่ง เบื้องต้นดังนี้
- ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 1 หรือ โรงพยาลาลสนาม สนามกีฬา อบจ. สมุทรสาคร
- ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 2 หรือ โรงพยาบาลสนามลานปฏิบัติธรรม วัดโกรกกราก
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร (ศูนย์บัญชาการสาธารณสุข)
- พื้นที่พักคนงานตลาดกลางแพกุ้ง
ทั้งนี้ ดีแทคยังได้จัดทีมดูแลเน็ตเวิร์กทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในการปฏิบัติภารกิจในช่วงสำคัญ พร้อมเกาะติดสถานการณ์ 4 โซนพื้นที่ควบคุมโควิด-19 และเตรียมความพร้อมของสัญญาณ เพื่อความมั่นใจแก่ทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติภารกิจ ให้สามารถใช้งานมือถือด้วยประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน เอไอเอส จัดเต็มเครือข่าย AIS 5G และ AIS Fibre ใน “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” จ.สมุทรสาคร สนับสนุนภารกิจต้านภัยโควิด-19
สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า จากสถานการณ์ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ความเสี่ยงสูง และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
ขณะนี้ได้มีการจัดตั้ง “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการบริหารจัดการเพื่อดูแลและสกัดกั้นการระบาด ใน 3 แห่ง ประกอบด้วย สนามกีฬา จังหวัดสมุทรสาคร, อาคารและพื้นที่ปฏิบัติธรรม วัดโกรกกราก และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร แล้วนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร อันจะทำให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยได้มีโอกาสสื่อสารกับครอบครัวให้คลายความกังวล
ทีมวิศวกรเอไอเอส ติดตั้งและขยายเครือข่ายเพิ่มเติมในทั้ง 3 จุดดังกล่าวข้างต้นแล้วอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย
- ขยายความสามารถในการรองรับการใช้งาน พร้อมความครอบคลุมของเครือข่าย AIS 5G
- ติดตั้ง AIS Fiber พร้อมสัญญาณ WIFI
โดยก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนซิมการ์ดแบบเติมเงิน พร้อมด้วยประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว – อสต. ที่กำลังลงพื้นที่อย่างหนัก เพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานระหว่างกลุ่มแรงงานต่างชาติกับโรงพยาบาล ,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสภากาชาด ในการติดตาม, คัดกรอง, เฝ้าระวัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงน้ำดื่มให้แก่ทางจังหวัดไปแล้วอีกด้วย
สายชล กล่าวว่า “ในฐานะภาคเอกชน เราขอเป็นตัวแทนขอบคุณ และส่งความห่วงใย พร้อมกำลังใจไปยังอาสาสมัคร ทั้ง อสต.และ อสม.ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ซึ่งได้เสียสละอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่นี้อย่างเต็มที่ โดยเอไอเอสยืนยันร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำระบบสื่อสารเข้าไปสนับสนุนเพื่อให้ประเทศไทยก้าวผ่านสภาวะการระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้อย่างดีที่สุด”
ด้าน กลุ่มทรู มอบซิมทรูมูฟ เอช 100 ซิม แก่กรมควบคุมโรค พร้อมแพ็กเกจโทรฟรีทุกเครือข่าย รวมมูลค่า 500,000 บาท สนับสนุนภารกิจสอบสวนโรคโควิด-19 เชิงลึกทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กลุ่มทรู ได้มอบสมาร์ทโฟน พร้อมเน็ตฟรี 20GB โทรฟรีทุกเครือข่าย จำนวน 10 เครื่องแก่โรงพยาบาลสมุทรสาคร สำหรับใช้ในกิจการของอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) เพื่อใช้ลงพื้นที่สนับสนุนการตรวจหาเชื้อเชิงรุกและประสานงานด้านสาธารณสุขกับเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง อีกหนึ่งธารน้ำใจในการสู้ภัยโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักในมหาชัย อีกทั้งยังได้มอบน้ำดื่ม อาหารแห้ง และหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องแรงงานชาวเมียนมาร์ในพื้นที่ด้วย
