TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessถอดแผนธุรกิจแบรนด์ JIM THOMPSON เป็นมากกว่า Silk

ถอดแผนธุรกิจแบรนด์ JIM THOMPSON เป็นมากกว่า Silk

จิม ทอมป์สัน แบรนด์ไทยอันทรงเกียรติกำลังเขียนบทใหม่ของประวัติศาสตร์ มุ่งสู่เป้าหมาย “แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก” ด้วยวิสัยทัศน์ Beyond Silk ก้าวข้ามขีดจำกัดของผ้าไหม สู่โลกกว้างของไลฟ์สไตล์ผ่านมรดกทางวัฒนธรรม เข้ากับ ความทันสมัย การเดินทางครั้งนี้ เปี่ยมไปด้วยความท้าทายและโอกาส มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือระดับด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ผ่านการผสมผสานเอกลักษณ์ไทยเข้ากับ “ดีไซน์ร่วมสมัย” ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ JIM THOMPSON สู่ตลาดโลก

Jim Thompson ชายผู้เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์

หากมองย้อนไป แฟรงก์ แคนเซลโลนี ท่านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ JIM THOMPSON กล่าวว่า ในค่ำคืนที่ก่อน Jim Thompson จะสูญหายไปอย่างลึกลับปริศนาในปี 1967 เขาอยู่ที่มาเลเซีย ไปพักที่บังกะโล ซึ่งมีชื่อว่า Moonlight และทุกท่านคงทราบกันดีว่า DNA ของแบรนด์ JIM THOMPSON คือ ผ้าไหม เรื่องราวของ “Jim Thompson” ซึ่งเป็นผู้ที่มี 10 ชีวิต เพราะเป็นหลายอย่างมาก เช่น สถาปนิก นักสะสม Art, Social Lite ที่อยู่ในสังคมนักธุรกิจ เคยเป็นทหารอยู่ในหน่วย คอมมานโด (Commando) ซึ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยในปี 1945 จะต้องมีภาระกิจโดดร่ม แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการปรากฎว่า “สงครามก็ได้ยุติลงเสร็จสิ้น” หลังจากนั้น Jim Thompson รักประเทศไทยมีความประสงค์ที่จะอยู่ จนได้ค้นพบอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งมันกำลังจะสูญหายไป เลยมีความสนใจผนวกกับความตั้งใจที่อยากฟื้นฟู จนในที่สุดแล้วจึงได้มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาในปี 1951  

Jim Thompson มีวิสัยทัศน์ เข้าใจดีว่าการทำงานถ้าจะให้เป็นที่รู้จักนั้นต้องมีการพึ่งพาสื่อ รวมไปถึงเหล่าคนดัง มี Article ที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม  ลงนิตยสาร Vogue จากนั้นได้มีการออกแบบเสื้อผ้า ปี 1956 ต่อมายังได้พระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้มีการนำไหมไทยไปตัดเป็นชุดฉลองพระองค์ เนื่องจากเป็นสถาปนิก มีความชอบในเรื่องของบ้าน จึงมีการนำบ้านทรงไทยมาถึง 6 หลังจากพื้นที่ต่าง ๆ โดยจากอยุธยา นำมาประกอบในพื้นที่แห่งนี้ในปี 1959 และมีธุรกิจ ค้าปลีก Flagship Store แห่งแรกในโลกที่ ชั้น M สยามพารากอน เมื่อเปิดได้ม่านรู้สึกเหนื่อยล้าอยากไปพักผ่อนกับเพื่อน จึงไปที่มาเลเซีย Moonlight บังกะโล ออกไปเดินเล่นช่วงกลางวันหลังจากนั้นก็หายสาบสูญไปเลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสูญหายไปบริษัทก็สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ มาจนถึงยุคปัจจุบัน

หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ชัดเจนประมาณปี 2021 ช่วงหลังโควิดใกล้จบลงก็ได้มีการปรับเปลี่ยนแบรนด์ไปในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน โดยเฉพาะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่าง ๆ ใหม่ ๆ เช่น เรดี้ ทู แวร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลง่าย มีการจับมือร่วมกับศิลปินไทยออก Collection ที่เป็น Limited ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และยังมีการเปิดร้านที่ Siam Hotel อีกด้วย ในปี 2023 นั้น เรียกได้ว่าเป็นปีที่น่าสนใจ ได้มีการปรับปรุง ปรับโฉมโชว์รูม และนำ Tagline ใหม่ นั้นก็คือ Beyond Silk มีการปรับปรุง Store ทั่วประเทศไทย จับมือกับเหล่าพันธมิตรปรับปรุงในด้านของ SME เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวนำเสนอ “Jim Thompson House” สุดท้ายในส่วนพิพิธภัณฑ์ก็ยังอยู่เหมือนเดิมในปี 1967

แผนธุรกิจในอนาคต

สำหรับแผนธุรกิจ แบรนด์ JIM THOMPSON แน่นอนว่าต้องการเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกมี 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกฝั่งอเมริกัน คือ ราล์ฟ ลอว์เรน (Ralph Lauren) มีธุรกิจที่มีองค์ประกอบครบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และอยู่ในธุรกิจอาหาร และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกฝั่งยุโรป คือ แบรนด์ จอร์จีโอ อาร์มานี (Giorgio Armani) ประกอบด้วย โรงแรม อาหาร แฟชั่น แต่เมื่อมองในเอเชียนั้นยังไม่มีแบรนด์ไหนที่มีสิ่งเหล่านี้ครบวงจร เทียบกับ แบรนด์ JIM THOMPSON ซึ่งแบรนด์ JIM THOMPSON มีความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งส่วนแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ธุรกิจบริการ

ต่อมาใน Global แบรนด์ JIM THOMPSON มีธุรกิจหลายประเทศทั่วโลกและเป็นแบรนด์ที่มาจากเอเชีย แบรนด์ JIM THOMPSON เป็นแบรนด์ไทยซึ่งเป็นความภาคภูมิใจในส่วนนี้มาก ๆ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศทั่วโลกที่ชื่นชมในมุมมองต่าง ๆ

แผนการพาแบรนด์ JIM THOMPSON สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก คงต้องใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปี ซึ่งเป็นแผนระยะยาวในแง่ของแผนการลงทุน การปรับปรุงนั้นใช้เงินลงทุนไปหลายล้านเหรียญสหรัฐ

ไฮไลท์ในปี 2024 เริ่มที่ธุรกิจแฟชั่น

ปัจจุบัน “Jim Thompson” มีร้านค้าอยู่ในกรุงเทพ 25 Store ด้วยกัน ลูกค้ามากกว่า 2 ล้านคนที่ได้มาเยือน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทุกคนซื้อ แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่าคนมาที่ร้านเยอะมากในทุก ๆ ปี จากที่ได้มีการ Transform หรือปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในครั้งนี้   สร้างผลการรับรู้ที่ดี ทำให้ได้รับรางวัลจากประเทศสิงค์โปร์ รวมถึงรางวัลร้านค้าปลีกที่ดีที่สุดจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เราเป็นธุรกิจ Global เพราะมีเครือข่ายอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก มีบริษัทลูกอีก 2 แห่งที่สหรัฐ สหรัฐชอาณาจักร ทั้งนี้มีโชว์รูม ครอบคลุมใน 3 ทวีป นิวยอก ปารีส เป็นต้น 

ล่าสุดได้มีการจัดอันดับโรงแรมชั้นนำของโลก พบว่า 1 ใน 3  ใช้ของ “Jim Thompson” ในการตกแต่ง เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพจริง ๆ และพบในโรงแรมชั้นนำระดับโลก ธุรกิจด้านบริการก็จะยังเคยมีร้านอาหารที่ญี่ปุ่น 2 แห่ง โอซากา กับโตเกียว และสิงค์โปร์ แต่ได้มีการตัดสินใจปิดไปก่อนเผื่อที่จะนำมาโฟกัสในไทย ปัจจุบันก็มีการปรับปรุงมอบประสบการณ์ให้กับผู้ที่มาเยือน ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่ รวมถึงร้านอาหารของ “Jim Thompson” เสริฟทั้งกลางวันและกลางคืน

ต่อมาในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยว ได้รับรางวัล Top 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ซึ่งก่อนโควิดเราได้มีการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อปีอยู่ที่ประมาณ 3 แสน 2 หมื่นราย ซึ่งก็มาจากสทั้งสหรัฐ เอเชีย ยุโรป มีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งช่วงต้นปีที่ผ่านมาครอบคลุมธุรกิจทั้ง 3 ยูนิต ทั้งในส่วนของสินค้า ตกแต่งบ้าน แฟชั่น ไม่เพียงแต่มอบส่วนลดยังเป็นประสบการณ์ที่แตกต่าง ปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ในโปรแกรมประมาณ 7 หมื่นราย คาดว่าจะตั้งเป้าไปถึง 1 แสนรายภายในปี 2024

แผนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

เรามีเว็บไซต์ Jim Thompson.com แผนของเราก็คือจะทำการ Work Life ในประเทศในพื้นที่ที่ จิม ทอป์สัน เป็นที่นิยม เช่น สิงค์โปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เป็นต้น นั่นก็หมายถึงว่า เราจะมีการจัดตั้ง WareHouse คลังเก็บสินค้า เพื่อให้ลูกค้า ได้รับมอบสินค้าภายใน 24 ชม 

อีกหนึ่งโครงการที่จะเกิดขึ้นเป็นโครงการขนาดใหญ่ One Bangkok ซึ่งที่นั่นก็มีทั้งโรงแรม สำนักงาน และที่อยู่อาศัยรีเทล สเปซ เราจะการเปิดที่นั่น เป็นพื้นที่ที่ดีสุดขนาด 500 เมตร 

สำหรับ Interested นั้น จะเป็นร้านที่จะเปิดที่ One Bangkok ด้วย นอกจากนั้นจะมีการขยายงานในระดับภูมิภาค มีการเปิดตัวร้านอาหารภายใน จิม ทอมป์สัน และบาร์  ซึ่งคาดว่าจะเปิดในภูเก็ตและรวมไปถึงในพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคนี้

และนี่คือโครงการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 3 – 4 ปีข้างหน้า เนื่องจากเราเป็นผู้นำด้านธุรกิจแฟชั่น รวมไปถึงธุรกิจบริการอาหารทำไมเราไม่เปิดโรงแรมเอง คาดว่าถ้าอยากจะเปิดแน่นอนคือในไทย ที่กรุงเทพมหานคร 

อีกหนึ่งยูนิต ที่คาดว่าจะเกิด คือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับของใช้ในบ้าน ยกตัวอย่าง ผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าปูเตียง อะไรก็ตามแต่ที่จะสามารถอยู่ในบ้านได้ ถ้าดูสัดส่วนของรายได้ในปัจจุบัน ร้อยละ 10 มาจากกลุ่มธุรกิจแฟชั่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปลอกหมอน ปลอกหมอน ฉะนั้นถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีที่จะเกิด ธุรกิจใหม่ขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีด้าน Art เครื่องดื่ม คาเฟ่ เป็นต้น เป็นพื้นที่ที่สามารถจัดงานต่าง ๆ ได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาจากทั้งในประเทศและต่างชาติ 

สิ่งนี้น่าสนใจมาก คือ “การทำ TV Series” เนื่องจากชีวิตเขามีเรื่องต่างๆ มากมายที่ควรถ่ายทอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำ และนี่จะเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรก ปัจจุบันได้มีการทำงานร่วมกับผู้กำกับผู้เขียนบท สตอรี่บอร์ดต่าง ๆ เริ่มออกมาแล้ว คาดว่าจะเริ่มทำ Series ทั้งหมด 10 ตอน ตอนละ 50 นาที น่าจะได้ติดตามกันเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ยังมีโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายในอนาคต ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า เมื่อมาถึงอาณาจักร จิม ทอมป์สัน จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้ที่มาเยือน เช่น พิพิธภัณฑ์ Store การนำเสนอศิลปะของศิลปินต่างๆ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้แน่นนอน ทั้งหมดนี้คือความน่าสนใจของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน ซึ่งเป็นแบรนด์จากประเทศไทย ที่เป็นการเริ่มต้นของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง 

อย่างไรก็ตามยังมีรายละเอียดอีกมากที่ต้องคอยติดตามและอัxเดตต่อไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก แบรนด์แรกจากเอเชีย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เอ้ก ดิจิทัล ปี 2023 รายได้ 2,200 ล้าน จากการเติบโต GenAI, Media Convergence และ MarTech

ทีทีบี กางแผนปี 67 เสริมแกร่งผลิตภัณฑ์การเงิน ใช้ Digital & Data Innovation ยกระดับการบริการ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ