“เคลวิน หว่อง” จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน สวมใส่ชุดเกราะลักษณะคล้ายกระเป๋าเป้ เรียกว่าหุ่นยนต์โครงกระดูกภายนอกหรือ “เอ็กโซสเกลเลตัน” (exoskeleton) โดยอุปกรณ์ล้ำยุคนี้ทำให้หว่องรู้สึกราวกับไอรอนแมน (Iron Man) เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มกำลังแขน ทำให้เขาสามารถยกสิ่งของหนักถึง 30 กิโลกรัม ขณะหุ่นยนต์สุนัขที่อยู่ข้างเคียงกล่าวทักทายด้วยคำว่า “สวัสดี!”
ฉากข้างต้นไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ ทว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะวิกตอเรียพาร์กของฮ่องกง ซึ่งกำลังจัดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีล้ำยุคสารพัดรายการ เพื่อเปิดโลกจินตนาการของประชาชนเกี่ยวกับเมืองในอนาคต
บรรดาบริษัทผู้ประกอบการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายสิบแห่งที่ดำเนินงานในเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า ได้รับเชิญเข้าร่วมงานดังกล่าวระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.-2 ก.ค. ในฐานะส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 26 ปี การกลับคืนสู่มาตุภูมิของฮ่องกง
สำหรับหุ่นยนต์โครงกระดูกภายนอกข้างต้นถูกนำมาจัดแสดงโดยบาร์ซา (BARSA) บริษัทที่มีฐานในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน ซึ่งลงทุนในหุ่นยนต์หลายรุ่น อาทิ หุ่นยนต์สำหรับบริการทำความสะอาด บริการขนส่ง หรือบริการเป็นเพื่อนมนุษย์ โดยเหยาจินเฉิง ผู้ก่อตั้งบาร์ซา กล่าวว่ามีการประยุกต์ใช้งานหุ่นยนต์หลากหลายรุ่น ทั้งในอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวัน พร้อมเสริมว่า “อนาคตมาถึงแล้ว”
บรรดาผู้เข้าชมงานนี้ให้ความสนใจกับวิดีโอบนหน้าจอแอลอีดี (LED) ของยูนิลูมิน (Unilumin) บริษัทจากฮ่องกง โดยเทคโนโลยีฉายวิดีโอ 3 มิติ (3D) ที่ไม่ต้องใช้แว่น มีความสมจริงจนเด็กหลายคนเอื้อมมือมาสัมผัสแมวบนหน้าจอ
ขณะเดียวกันผู้ชมบูธของเมตา เอ็นจิน (Meta Engine) บริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลจากกว่างโจว ได้เข้าสู่โลกเสมือนจริงของเขตเศรษฐกิจฯ โดยอาศัยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR) ซึ่งทำให้ผู้ใช้มองเห็นหอคอยกว่างโจว สถานที่สำคัญของกว่างโจว เมื่อเดินถอยหลังหนึ่งก้าว และกลับมาอยู่ที่ย่านธุรกิจเซ็นทรัลในฮ่องกง เมื่อเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
นอกจากความบันเทิงแล้ว มหกรรมเมืองแห่งอนาคตยังชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีสำหรับการรักษาพยาบาลด้วย อาทิ แท่นตรวจสุขภาพที่บูธของไชน่า โมบายล์ ฮ่องกง (China Mobile Hong Kong) ซึ่งช่วยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต ออกซิเจนในเลือด และตัวชี้วัดทางกายภาพอื่น ๆ
หลี่เฟิง ประธานไชน่า โมบายล์ ฮ่องกง กล่าวว่าแท่นดังกล่าวสามารถติดตั้งตามชุมชนต่าง ๆ เพื่อช่วยผู้สูงอายุในฮ่องกงไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยการใช้เทคโนโลยีมีความแพร่หลายในชีวิตประจำวัน และบริษัทจะทำงานเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตมากขึ้นเพื่อช่วยผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น
เหล่าบริษัทและสถาบันหลายแห่งมาที่ฮ่องกง ไม่เพียงเพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์แต่แสวงหาความร่วมมือด้วย โดยหยวนเฟิง รองผู้อำนวยการสถาบันซอฟต์แวร์แห่งกว่างโจว กล่าวว่าสถาบันฯ ได้ร่วมพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับติดตามอาหารและโลจิสติกส์กับหุ้นส่วนในฮ่องกง โดยสถาบันฯ ได้ตั้งสาขาในฮ่องกงและกำลังวางแผนเพิ่มความร่วมมือกับศูนย์วิจัยและพัฒนามัลติเทคด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนสถาบันอื่นๆ
ฉินไห่โอว ผู้อำนวยการศูนย์บริการนวัตกรรมเทคโนโลยีเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า กล่าวว่าศูนย์บริการฯ ได้แนะนำบริษัทเทคโนโลยี 12 แห่ง เข้าร่วมงานมหกรรมครั้งนี้ และหลายบริษัทได้ตัดสินใจตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา หรือศูนย์ด้านโลกาภิวัตน์ในฮ่องกง
“บริษัทจำนวนมากบนแผ่นดินใหญ่ของจีนมีเทคโนโลยีและประสบการณ์ขั้นสูงในการขยายตลาด ขณะฮ่องกงมีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงวิสัยทัศน์ระดับโลก การทำงานร่วมกันจึงเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย” ฉิน กล่าว
