TH | EN
TH | EN
หน้าแรกThe MovementNew Product/Serviceเปิดตัว Dell NativeEdge ลดความซับซ้อน-ปลอดภัย

เปิดตัว Dell NativeEdge ลดความซับซ้อน-ปลอดภัย

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดตัว Dell NativeEdge แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์การปฏิบัติการระบบเอดจ์ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจลดความซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการปรับใช้ระบบเอดจ์ที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มความคล่องตัวให้กับการดำเนินงานของเอดจ์ ที่อยู่บนอุปกรณ์จำนวนนับหลายพันชิ้น และจุดติดตั้งในการทำงานที่มีทั้งหมด ตั้งแต่เอดจ์ไปสู่ศูนย์กลางที่ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงบนมัลติ-คลาวด์

Dell NativeEdge เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ปฏิบัติการระบบเอดจ์เพียงหนึ่งเดียวของอุตสาหกรรม ที่ให้การออนบอร์ดอุปกรณ์ที่สามารถปรับขนาดของสเกลได้ พร้อมการจัดการจากระยะไกล และการปลอดภัยตามขนาด การจัดการระยะไกล และการทำงานประสานกัน (orchestration) ของมัลติ-คลาวด์แอปพลิเคชัน

สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ เพื่อขับเคลื่อนการใช้งานเอดจ์ขององค์กรด้วยการปรับใช้แบบ zero-touch และการออกแบบให้เป็นระบบเปิด ผสานรวมเข้ากับฮาร์ดแวร์ในรูปแบบต่างๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรแบบ end-to-end ที่มีทั้งหมดของเดลล์ ด้วยความสามารถของ Zero Trust ที่อยู่ภายใน Dell NativeEdge จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้วยการให้การปกป้องแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าที่มีใน edge estate ทั้งหมด

เจฟฟ์ คลาร์ค รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมฝ่ายปฏิบัติการ เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า “การย้ายข้อมูลมีความซับซ้อนและมีราคาแพง ซึ่งส่งผลให้เกิดสถาปัตยกรรมแบบกระจายจำนวนมหาศาลที่ทำให้ยากต่อการจัดการ การทำโพรวิชันนิ่ง และทำให้เป็นอัตโนมัติ จากการที่ลูกค้าของเราต้องการเพิ่มเวิร์กโหลดใหม่ๆ และการใช้งาน AI ที่เอดจ์ ลูกค้าเหล่านี้จะหันมาที่เดลล์เพื่อหาวิธีที่ง่ายกว่าและหนทางที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้นในการจัดการและรักษาความปลอดภัยให้กับระบบนิเวศของเทคโนโลยีเอดจ์และแอปพลิเคชั่น”

“Dell NativeEdge จับพวกเขาวางไว้ในที่นั่งคนขับเพื่อที่พวกเขาจะสามารถจัดการ และปรับเปลี่ยน edge estate ทั้งหมดให้เรียบง่ายด้วยโซลูชันเพียงหนึ่งเดียว เพื่อให้ทั้งประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ และผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”

เวลาในการปรับใช้ที่เร็วขึ้นและการประหยัดค่าใช้จ่าย

ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรายใหญ่อาจต้องการทำการบรรจุหีบห่อและจัดส่งโดยอัตโนมัติไปยังไซต์ของโรงงานที่มีเป็นจำนวนมากในพื้นที่ที่แตกต่างกันหลายแห่ง นั่นหมายถึงการเชื่อมต่อเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อาทิ IoT การสตรีมมิ่งข้อมูลและตรวจสอบทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ (machine vision) ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เฉพาะทางเพื่อรันซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันจำนวนมากทั่วโลเคชันที่มีทั้งหมด การทดสอบและปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเรียกใช้แอปพลิเคชันอาจใช้เวลานานหลายเดือน

ดังนั้น การใช้ Dell NativeEdge จะทำให้ผู้ผลิตสามารถรวมสแต็คของเทคโนโลยีที่มีเข้าด้วยกันด้วยการลงทุนที่มีอยู่เดิม และลดเวลาในการปรับใช้สินทรัพย์เอดจ์และแอปพลิเคชันจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ แพลตฟอร์มนี้ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับการดำเนินงานของระบบเอดจ์ และช่วยให้ผู้ผลิตสามารถนำแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาใช้ที่ไซต์งานทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยจากส่วนกลาง

เดลล์ศึกษาลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนเกือบ 100 ราย เพื่อตรวจสอบผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับใช้ NativeEdge สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตที่มีโรงงานเฉลี่ย 25 แห่ง การลงทุนสามปีใน NativeEdge ช่วยจัดการ 75% ของสินทรัพย์เอดจ์ขององค์กรด้านการผลิตแสดงให้เห็นว่าลูกค้าสามารถบรรลุการดำเนินงานดังนี้

  • ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 130% จากการปรับใช้ Dell NativeEdge
  • การลดระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการนำอุปกรณ์ต่างๆ มาออนบอร์ดได้ถึง 20 นาทีสำหรับการจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานเอดจ์ในแต่ละส่วน อีกทั้งยังลดความเสี่ยงขององค์กรได้อย่างมากซึ่งส่งผลในการประหยัดค่าใช้จ่าย
  • เพิ่มความเร็วให้กับการปรับใช้ edge asset พร้อมทั้งลดต้นทุนการดำเนินการของระบบเอดจ์ด้วยการทำโพรวิชันนิ่งแบบ zero touch
  • ประหยัดค่าขนส่งโดยลดความจำเป็นในการจัดส่งการสนับสนุนไปยังพื้นที่งาน (site-support) ซึ่งส่งผลในการลดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 14 เมตริกตัน

โซลูชัน retail edge ใหม่ ช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการของทั้งร้านค้าปลีกและคลังสินค้า

เดลล์ขยายโซลูชัน retail edge ด้วย Dell Validated Design for Retail ด้วยระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ inVia Robotics การสั่งซื้อทางออนไลน์และการจัดส่งแบบไม่มีหน้าร้านสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ค้าปลีก โซลูชันใหม่นี้ใช้ซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้พนักงานค้าปลีกสามารถหยิบสินค้า บรรจุหีบห่อ ดำเนินการขนส่งและจัดส่งในขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการแปลงคลังสินค้าและพื้นที่ค้าปลีกที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์การเติมเต็มขนาดเล็ก ด้วยเทคโนโลยีที่ง่ายต่อการจัดการในสถานที่ค้าปลีกต่างๆ ที่ซึ่งข้อมูลถูกสร้างขึ้น ผู้ค้าปลีกสามารถให้พนักงานค้นหาเส้นทางและหยิบสินค้าตามคำสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อการปรับปรุงเวลาการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ

โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการทดสอบล่วงหน้า รับรองความถูกต้องและสนับสนุนโดยเดลล์ ทำให้ไอทีและแอปพลิเคชันค้าปลีกที่ล้ำสมัยอยู่ในสแต็กโครงสร้างพื้นฐานชุดเดียวเพื่อการปรับใช้ การจัดการ และการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าจะสามารถนำโซลูชันนี้ไปใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge พร้อมทางเลือกในการจัดการแบบรวมศูนย์ ซึ่งรวมถึง Linux, Microsoft Azure Stack HCI และ VMware Edge Compute Stack โซลูชันนี้มอบเส้นทางที่เรียบง่ายและยืดหยุ่นแก่ลูกค้าสู่ระบบค้าปลีกอัตโนมัติอัจฉริยะ

การเชื่อมต่อ ประสิทธิภาพ และการซัพพอร์ตระดับโลกทำให้เอดจ์ง่ายขึ้น

ด้วยจำนวน 81% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 ที่ใช้โซลูชันเอดของเดลล์ เดลล์ยังคงเสริมความแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยโซลูชันใหม่ และความสามารถใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนและได้รับมูลค่าเพิ่มมากขึ้นจากระบบเอดจ์

  • Dell Private Wireless ด้วย Airspan และ Druid คือโซลูชันไพรเวทไวร์เลสที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งช่วยให้องค์กรมีการเชื่อมต่อไร้สายที่เชื่อถือได้และปลอดภัยสำหรับเทคโนโลยีเอดจ์ในระยไกลจำนวนหลายพันรายการ ทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ และเซ็นเซอร์ซึ่งกระจายอยู่ตามโลเคชั่นต่างๆ ของเอดจ์ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของ Dell Private Wireless Program โซลูชันนี้ให้ทางเลือกในระบบไพรเวทไวร์เลสสำหรับองค์กร โซลูชันนี้สามารถบูรณาการเข้ากับระบบเอนเทอร์ไพรซ์ไอทีและระบบปฏิบัติการ (OT) ได้อย่างง่ายดาย และยังรวมถึงการซัพพอร์ต การใช้งานที่ปรับแต่งได้ และการจัดการแบบครบวงจร
  • Enterprise SONiC Distribution by Dell Technologies 4.1 ระบบปฏิบัติการเครือข่ายแบบโอเพ่นซอร์สที่ปรับสเกลการทำงานได้บนสวิตช์ของเดลล์ ขยายคุณสมบัติของดาต้าเซ็นเตอร์เน็ตเวิร์กไปสู่การปรับใช้ระบบเอดจ์ รวมถึง User Container Support (UCS) และ telemetry ที่ให้ fabric visibility การรักษาความปลอดภัย และประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ทั้งนี้ โซลูชัน SONiC ของเดลล์ มอบระบบปฏิบัติการเครือข่ายเดียวที่รวมความยืดหยุ่นของระบบนิเวศที่มีผู้จำหน่ายหลายรายเข้ากับความเรียบง่ายของชุดเครื่องมือโอเพ่นซอร์ส เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนในการจัดการวงจรชีวิตของเน็ตเวิร์คแฟบริคและหลีกเลี่ยงการล็อคอินของเวนเดอร์
  • Dell ProDeploy Flex คือบริการการปรับใช้ในรูปแบบโมดูลาร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเร่งความเร็วในการสร้างมูลค่านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการใช้งานให้กับลูกค้า ด้วยธรรมชาติที่ยืดหยุ่นของบริการช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรูปแบบการใช้งานระบบเอดจ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามต้องการเพื่อประโยชน์สูงสุดจากทั้งโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์และแอปพลิเคชันเอดจ์ของตัวเอง

ความพร้อมในการวางตลาด

  • ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม Dell NativeEdge จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้า ผู้ใช้งานในกลุ่ม OEM และพันธมิตรใน 50 ประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2023
  • Dell Validated Design for Retail Edge ที่สร้างด้วย inVia Robotics พร้อมใช้งานแล้วทั่วโลก
  • Dell Private Wireless with Airspan and Druid พร้อมใช้งานแล้วทั่วโลก
  • Enterprise Sonic Distribution by Dell Technologies 4.1 พร้อมให้ใช้งานทั่วโลก
  • Dell ProDeploy Flex จะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนสิงหาคม 2023

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Mambu ขยายพื้นที่บน Google Cloud Marketplace ดันสถาบันการเงิน ย้ายสู่ระบบคลาวด์

เปิด 4 เช็กลิสต์สำคัญที่ผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องมี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ