เหตุผลการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์และ Product ของแคสเปอร์สกี้เป็นเพราะเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไป ผู้คนหันมาใช้ชีวิตอยู่บนออนไลน์มากขึ้น เช่น การทำงานระบบhybrid (WFH) เล่นเกมออนไลน์ การช็อปปิ้งสินค้า หรือการใช้อินเทอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ต้องการความปลอดภัยในการใช้งานทั้งสิ้น
บวกกับปัญหาเรื่องการโจรกรรมไซเบอร์ที่พบตลอดเวลา ไม่ว่าจะทั่วโลกหรือในไทยเอง ทำให้แคสเปอร์สกี้ หันมามุ่งมั่นด้านการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่มีความสะดวก ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แบบ B2C หรือ Business to customer
– Kaspersky ชี้ภัยคุกคามไซเบอร์พัฒนาต่อเนื่อง แนะไทยสร้างความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ตลอด ICT supply chain
– Kaspersky เปิดมุมมอง Digital Dystopia ‘เมื่อโลกปราศจากความปลอดภัยไซเบอร์’
ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ 3 แบบในราคาเข้าถึงง่ายและฟีเจอร์ครอบคลุมการใช้งานพื้นฐานแบ่งเป็น
- Kaspersky Standard ป้องกันเว็บไซต์ การดาวน์โหลด แสดงกิจกรรมที่ไม่ปลอดภัย พร้อมเครื่องมือกำจัดไวรัสด้วยตนเอง
- Kaspersky Plus เพิ่มความเป็นส่วนตัวป้องกันการท่องเว็บไซต์ หายห่วงเรื่องการถูกขโมยข้อมูล เช่น User หรือ Password
- Kaspersky Premium จะป้องกันความเป็นส่วนตัวขั้นกว่า อาทิข้อมูลที่ละเอียดอ่อน (เช่น พาสปอร์ต ใบขับขี่ บัญชีธนาคาร) แถมตัวฟีเจอร์อย่าง แคสเปอร์สกี้ เซฟ คิดส์ ควบคุมการท่องเว็บของบุคคลในครอบครัวอย่างลูกหลานที่อาจนำข้อมูลสำคัญไปใช้บนเว็บไซต์ที่อันตราย
แคสเปอร์สกี้จึงเด่นเรื่อง Security ที่ใช้งานง่าย ฟีเจอร์เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้งานทั่วไป และแก้ไขปัญหาความเชื่องช้าหลังจากการติดตั้งระบบความปลอดภัย เพราะแคสเปอร์สกี้เชื่อมั่นว่า Product ทั้ง 3 ตัวเป็นสิ่งที่คัดสรรค์มาให้เหมาะกับพฤติกรรม ความต้องการการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดที่สุด
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
มข. เปิดตัว คลินิก AI ตัวช่วยนักวิจัย-เสริมทักษะอาชีพนักศึกษายุคดิจิทัล
