การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกองค์กรต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้อยู่ตลอดเวลา
แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย (JobThai) เปิดเผยข้อมูลภาพรวมการหางาน สมัครงาน และการจ้างงานปี 2564 พร้อมเผยผลสำรวจการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานจากฝั่งขององค์กรและฝั่งของคนทำงาน
ปี 64 มีการสมัครงานกว่า 17 ล้านครั้ง
ภาพรวมของผู้ใช้บริการหางาน และสมัครงานในปี 2564 มีการใช้งานมากกว่า 18.5 ล้านคน เติบโตขึ้น 12.38% มีการสมัครงาน 17,161,667 ครั้ง ด้านผลสำรวจรูปแบบการทำงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า คนทำงานส่วนใหญ่กว่า 56.65% ไม่ได้ทำงานแบบ Work from Home ส่วนคนทำงานที่ได้ Work from Home กว่า 70.95% ให้ความคิดเห็นว่าการทำงานแบบนี้ทำให้ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
องค์กรต้องการแรงงานกว่า 6 แสนอัตรา
ความต้องการแรงงานขององค์กรในจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม พบว่า องค์กรมีความต้องการแรงงานในปี 2564 ทั้งหมด 602,436 อัตรา มีอัตราการเปิดรับเพิ่มขึ้นจากปี 2563 คิดเป็น 24% โดย 5 สายงานที่เปิดรับมากที่สุด ได้แก่ 1.งานขาย 321,505 อัตรา 2.งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 183,903 อัตรา 3.งานช่างเทคนิค 175,083 อัตรา 4.งานธุรการ/จัดซื้อ 87,731 อัตรา 5.งานวิศวกร 81,982 อัตรา
ธุรกิจอาหารได้รับความนิยมจากผู้หางาน
5 บริษัทที่คนสมัครงานเยอะมากที่สุดในปี 2564
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีการสมัครงานถึง 90,727 ครั้ง
- บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) มีการสมัครงาน 76,642 ครั้ง
- บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีการสมัครงาน 64,558 ครั้ง
- บริษัท โรม อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีการสมัครงาน 51,854 ครั้ง
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มีการสมัครงาน 48,265 ครั้ง
ซึ่งเป็นการนับจำนวนครั้งการสมัครที่เกิดขึ้นผ่านจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม นอกจากตัวเลขดังกล่าวแล้ว ยังมีการสมัครผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การส่งใบสมัครผ่านอีเมล
ส่วนด้านธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้ผลกระทบทางลบโดยตรงจากโควิดทำให้การเปิดรับคนลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 2563 เริ่มกลับมามีแนวโน้มความต้องการของแรงงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 และมีแนวโน้มดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
อุปสรรคในการจ้างงานช่วงโควิด
นอกจากนี้ แสงเดือนยังได้เผยผลสำรวจด้านอุปสรรคในการสรรหาบุคลากรในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำการสำรวจความคิดเห็นขององค์กรทั่วประเทศจำนวน 1,178 คน มีการเปลี่ยนแปลงของการสมัครงานที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ดังนี้
- ได้รับใบสมัครที่มาจากนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานเป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้น
- ได้รับใบสมัครงานที่คุณสมบัติไม่ตรงกับความต้องการ
- ได้รับใบสมัครงานที่มาจากผู้สมัครที่ทำการย้ายสายงานตามลำดับ
นอกจากนี้วิกฤติโควิด ยังทำให้องค์กรมีการยกเลิกสวัสดิการต่าง ๆ ดังนี้
- กิจกรรมสันทนาการ เช่น งานกีฬาสี งานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ ท่องเที่ยวประจำปี
- จัดคอร์สอบรมและพัฒนาความรู้ภายในองค์กร
- โบนัส
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- เงินรางวัลประจำปี /รางวัลพนักงานดีเด่น
ปัญหาที่ HR มักพบมากที่สุด
- ผู้สมัครงานไม่มาสัมภาษณ์งานโดยไม่แจ้งให้ทราบ 72.92%
- ผู้สมัครงานเรียกเงินเดือนสูงกว่าคุณสมบัติที่ตัวเองมี 42.11%
- ทักษะของผู้สมัครงานไม่ตรงหรือมีไม่มากเท่าที่ระบุไว้ในประกาศงาน 39.39%
- ผู้สมัครงานที่ผ่านการคัดเลือกแต่ไม่มาเริ่มงานตามกำหนด 33.11%
- ผู้สมัครงานไม่ศึกษาข้อมูลองค์กร 30.05%
ปัจจัยในการพิจารณาใบสมัครงาน
- ทักษะของผู้สมัครที่ตรงกับตำแหน่งงาน
- คุณสมบัติของผู้สมัครที่ตรงกับประกาศงาน
- ประสบการณ์เดิมจากที่ทำงานเก่า
- ทักษะอื่น ๆ ที่ส่งเสริมกับตำแหน่งงาน
- ความถูกผิดของการสะกดต่าง ๆ ในใบสมัครงาน
HR ให้ความสำคัญในการพิจารณาใบสมัครงานน้อยที่สุด
- ศาสนาของผู้สมัคร
- เพศของผู้สมัคร
- ตัวตนในโลกออนไลน์
- สถาบันที่จบการศึกษา
- ความสวยงามของ Resume
ทักษะการรับมือกับปัญหา และการคิดวิเคราะห์สำคัญ
โดยทักษะที่ HR มองหานอกจากทักษะเฉพาะทาง 5 อันดับ ได้แก่
- ทักษะการรับมือกับปัญหา สามารถปรับตัวเพื่อฟื้นฟูตัวเองเมื่อเจอกับปัญหาหรือความล้มเหลว (Resilience and Adaptability)
- ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking)
- ทักษะการคิดเชิงเหตุผลและตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน
- ทักษะในการรับมือและจัดการกับความเครียด เมื่อเจอกับปัญหา หรือความเปลี่ยนแปลง
- ทักษะในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ด้วยตนเอง (Active Learning)
ครึ่งปีแรก คนทำงานยังไม่สนใจหางานใหม่
ผลสำรวจเรื่องการหางาน สมัครงานจากคนทำงานทั่วประเทศจำนวน 12,511 คน พบว่า
- ในครึ่งปีแรกของปี 2565 กลุ่มคนทำงานประจำและสัญญาจ้าง 53.60% จะยังไม่จริงจังกับการหางานใหม่ แต่เป็นการเปิดโอกาสไว้และถ้ามีงานน่าสนใจกลุ่มจะลองสมัครงานนั้นดู
- คนทำงานอีกกว่า 26.76% จะทำการหางานใหม่อย่างจริงจัง กลุ่มที่ไม่ได้หางานใหม่ แต่ถ้าได้รับการเสนองานให้ก็จะพิจารณา 14.58%
ปัจจัยที่คนทำงานใช้พิจารณาเลือกย้ายงานหรือทำงานในองค์กรเดิมต่อ คือ เงินเดือน สวัสดิการ โบนัส ความก้าวหน้าในอาชีพ และ การเดินทางที่สะดวก ตามลำดับ
คนหางานจะหาข้อมูลก่อนการสมัครงานผ่านช่องทางดังนี้ เว็บไซต์หางาน สมัครงาน เว็บไซต์บริษัท โซเชียลมีเดียขององค์กร ตามลำดับ
คนทำงานยังเผยสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่อยากสมัครงานกับองค์กร คือ 1) ต้องมีผู้ค้ำประกัน 2) ค้นหาข้อมูลบริษัทได้น้อย 3) มีการสัมภาษณ์งานมากกว่า 2 รอบขึ้นไป 4) ไม่มีความเคลื่อนไหวบน Social Media ของบริษัท และ 5) ต้องมีบุคคลรับรอง
จะเห็นได้ว่า 2 ใน 5 เรื่องที่คนทำงานให้ความสำคัญเป็นเรื่องของข้อมูลองค์กร ยิ่งในยุคที่ข้อมูลมากมายความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม ดังนั้นฝั่งองค์กรเองควรทำเรื่องภาพลักษณ์นายจ้าง (Employer Branding) ให้มีความน่าสนใจดึงดูดให้คนอยากร่วมงานด้วย โดยการสร้างตัวตนให้คนสามารถค้นหาเจอบนออนไลน์ และต้องสื่อสารเรื่องราวขององค์กรในด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมองค์กร บรรยากาศในการทำงาน สวัสดิการที่น่าสนใจ อัปเดตข่าวสารและผลงาน รวมไปถึงกิจกรรมภายใน ภายนอกองค์กร
ปรับรูปแบบการทำงาน เพื่อดึงคนเก่ง รักษาพนักงานเดิม
ผลสำรวจบอกว่า ข้อดีและข้อเสียของ Work from Home ในช่วงโควิด คือ
- ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
- หลีกเลี่ยงการเมืองในองค์กรได้
- มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
- สุขภาพจิตดีขึ้น, สุขภาพกายดีขึ้น
นอกจากนี้ คนที่ได้ทำงานแบบ Work from Home ยังคาดหวังที่จะได้ทำงานแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working)
หรือการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ สำหรับรูปแบบในการทำงานในอนาคตเป็นสิ่งที่องค์กรควรพิจารณาปรับนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของคนทำงาน เพื่อดึงดูดคนเก่งและรักษาพนักงานให้ทำงานด้วยเช่นเดียวกัน
แสงเดือนกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการทำแบบสำรวจในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาช่องว่างของทักษะ (Skill Gap) ได้อย่างชัดเจน คือ การที่คนทำงานมีทักษะในการทำงานน้อยกว่าที่นายจ้างคาดหวัง หรือมีคุณสมบัติไม่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้คนหางานสมัครงานไม่ได้งานตามที่ต้องการ
ดังนั้น คนทำงานต้องเร่งพัฒนาทักษะให้ทันกับความต้องการของตลาด เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และ นำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานให้ได้ ด้านนักศึกษาจบใหม่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องเจอกับการแข่งขันที่สูง ดังนั้น ในการสมัครงานนักศึกษาจบใหม่ต้องมีการเตรียมพร้อมให้ดี ให้ความสำคัญกับการทำเรซูเม่ที่ดีให้เน้นไปที่เนื้อหาที่เราต้องนำเสนอเพื่อให้องค์กรสนใจ โดยดึงจุดเด่นทักษะที่ตรงกับประกาศงานออกมานำเสนอให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์กับตำแหน่งงานที่สมัคร และศึกษาข้อมูลขององค์กรที่เราสมัคร รวมถึงเตรียมพร้อมในการสัมภาษณ์งานให้ดี โดยศึกษาวิธีการสัมภาษณ์และซ้อมสัมภาษณ์จะช่วยลดความประหม่าและเพิ่มโอกาสในการได้งาน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
BMW ชวนร่วม Class of the Future เชิญ 16 ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของไทย เจาะลึกวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงาน ‘Hatyai Extreme Festival 2022’ กระตุ้นการท่องเชี่ยวเชิงกีฬา