TH | EN
TH | EN
หน้าแรกLifeเด่นหล้าสยายปีก ต่อยอดจากอนุบาลสู่เด็กโต ทุ่ม 600 ล้านบาท ปั้นโรงเรียนคุณภาพรับศตวรรษ 21

เด่นหล้าสยายปีก ต่อยอดจากอนุบาลสู่เด็กโต ทุ่ม 600 ล้านบาท ปั้นโรงเรียนคุณภาพรับศตวรรษ 21

ดีบีเอส เด่นหล้า บริติช สคูล (DBS Denla British School) ต่อยอดขยายระดับการศึกษาของโรงเรียนจากเด็กเล็กสู่เด็กโต ตั้งเป้าเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำอัดแน่นด้วยคุณภาพของประเทศไทย ด้วยการจัดงบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เดินหน้าขยายอาคารเรียน เพิ่มพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย และตอบสนองกับจุดประสงค์การเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาของประเทศอังกฤษ มุ่งสร้างนักเรียนที่มีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning) เพื่อให้สามารถปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของโลกในศวรรษที่ 21

ผศ. ดร. ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติดีบีเอส เด่นหล้า บริติช สคูล (DBS Denla British School) ยอมรับว่าการขยายเพิ่มระดับชั้นการศึกษาในครั้งนี้เป็นความตั้งใจที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่มของการทำโรงเรียนนานาชาติดีบีเอส เด่นหล้า บริติช สกูล เมื่อ 5 ปีที่แล้วเพื่อให้โรงเรียนแห่งนี้ครบถ้วนสมบูรณ์ภายใต้ อุดมการณ์ “Building for the Best: สร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพราะนักเรียนสำคัญที่สุด” รองรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 (Year 11- 13) อายุระหว่าง 14-18 ปี และตอบโจทย์ ยุคดิจิทัลดิสรัปชัน-โควิดดิสรัปชัน ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวิถีการดำเนินชีวิต ทักษะที่สำคัญในชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 1. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม คิดอย่างสร้างสรรค์ ใส่ใจในนวัตกรรม รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต  2. ทักษะสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี อัปเดตทุกข้อมูลข่าวสาร รู้เท่าทันสื่อ รอบรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ ฉลาดในการสื่อสาร และ 3. ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ มีความยืดหยุ่น รู้จักปรับตัว ริเริ่มสิ่งใหม่ ใส่ใจดูแลตัวเอง รู้จักเข้าสังคม เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ มีความเป็นผู้นำ รับผิดชอบต่อหน้าที่ แก้ปัญหาเป็น สื่อสารดี เต็มใจร่วมมือ

“DBS มุ่งให้เด็กวัยเรียนวัยรุ่นมีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ครบถ้วน รู้จักคิด วิเคราะห์ รักการเรียนรู้และพร้อมด้วยจริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสารดี และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่งทางโรงเรียนจะจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดเพื่อปูพื้นฐานและเตรียมความพร้อมทั้งฮาร์ดสกิลและซอฟต์สกิล สนับสนุนนักเรียนให้สามารถแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 21ได้อย่างดี” ผศ. ดร. ต่อยศ กล่าว

ในส่วนของสาเหตุที่ต้องใช้เวลาในการขยายต่อยอดถึงระดับมัธยมปลายไม่เปิดรับตั้งแต่แรก เป็นเพราะต้องการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งาน หรือนักเรียนเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่าในส่วนของเด็กเล็กตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษา ทางเด่นหล้ามีความชำนาญการอยู่แล้วจากโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้าสาขาเพชรเกษม และโรงเรียนเด่นหล้าสาขาพระราม 5 ที่มีจนถึงระดับประถมศึกษา

“ช่วงเวลา 5 ปีที่วางแผนขยายชั้นเรียนมัธยมปลาย เราเปิดให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียนว่าต้องการอะไร อยากได้อะไร ใช้งานอย่างไร ทำให้สถาปนิกที่เราว่าจ้างแก้แบบอยู่หลายครั้ง ขณะเดียวกัน เราออกแบบอาคารเรียนโดยใส่ใจถึงรายละเอียดทั้งหมด เช่น ทิศทางของแสงและลม ระบบแสงและเสียงของห้องประชุม สนามกีฬาและสนามเด็กเล่น โดยอาคารเรียนพร้อมเสร็จส่งมอบในเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนใช้เวลา 3 เดือนในการทำความสะอาดและตรวจสอบความเรียบร้อย เพื่อให้ทันเปิดภาคการศึกษาใหม่รับเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่เลื่อนชั้นขึ้นมาในเดือนกันยายน” ผศ.ดร. ต่อยศระบุ

ขณะเดียวกัน การลงทุนสร้างอาคารเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวกยังมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน “เป้าประสงค์แห่งการเรียนรู้” (Purpose of Learning) ตามแบบหลักสูตรการศึกษาของประเทศอังกฤษสำหรับโรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก ที่ ประกอบด้วย 1. Self-discovery คือ การให้เด็กสามารถค้นพบตัวตน ทดลองทดสอบหาความชอบได้ตั้งแต่ยังเล็ก และ 2. Self-learning คือ ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่เด็กพึงมีและจะติดตัวไปตลอดชีวิต ทำให้เด็กสามารถต่อยอดและพัฒนาศักยภาพตนเองได้อย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ต่อยศ กล่าวว่า อาคารเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีบีเอสกำลังสร้างใหม่นี้ มีขึ้นสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมโดยเฉพาะ เช่น หอประชุม ห้องเรียนการออกแบบเทคโนโลยี ห้องเรียนไอที ห้องสมุด และสตูดิโอศิลปะ ซึ่งจะส่งเสริมให้นักเรียนให้สามารถค้นคว้า เรียนรู้ และทำงานวิจัยด้วยตนเอง โดยเฉพาะนักเรียนชั้นโตสุดที่ตามหลักสูตรอังกฤษเรียกว่า Sixth Form จะได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเองเหมือนกับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งโดยส่วนตัวผศ.ดร.ต่อยศ มั่นใจว่าหลักสูตรอังกฤษเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่มุ่งเตรียมความพร้อมให้กับการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคต และ DBS มีเป้าหมายในการบ่มเพาะสร้างผู้นำที่ดี (Nurturing Great Global Leaders) ที่ให้นักเรียนเติบโตไปเป็นผู้นำที่ดีของโลก มีทักษะความเป็นผู้นำ รอบรู้ รอบด้าน สร้างสรรค์ เป็นนักพัฒนาที่เป็น “ประชากรคุณภาพของโลก

สำหรับเป้าหมาย Nurturing Great Global Leaders นี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้ 5 เสาหลัก คือ

  1. An Enhanced British Curriculum หลักสูตรอังกฤษแบบโรงเรียนเอกชน ที่มีการเพิ่มชั่วโมงเรียนให้นักเรียนได้มีเวลาค้นคว้าหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพื่อเป้าประสงค์ของการ Self-discovery 
  2. Academic Excellence for All ความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยการผลักดันให้นักเรียนสามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหลักสูตรเป็น 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และจีน
  3. Entrepreneurship and Creative Thinking การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังทักษะความเป็นผู้ประกอบการ
  4. Thai Values in a Global Context การปลูกฝังพื้นฐานภาษา วัฒนธรรมไทย ทัศนคติต่อชุมชนและต่อโลก ทำให้เด็กสามารถปรับตัวให้สอดรับกับทุกบริบทของทุกที่ทั่วโลก เป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) 
  5. Wellbeing and Sustainability ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมความอยู่ดีกินดีของนักเรียนและบุคลากรโรงเรียน เพราะโรงเรียนคือบ้านหลังที่ 2 

ด้าน ดร. เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ อีกหนึ่งกรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติดีบีเอส เสริมว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติเป็นจำนวนกว่า 200 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม 73 แห่ง หรือคิดเป็น 36% มีอัตราการเติบโตปีละ 9% เมื่อเทียบกับย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตแบบตัวเลขสองตัว (ดับเบิลดิจิต) ถึง 4 ปีซ้อน

ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย พบว่า โรงเรียนนานาชาติของไทยมีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในละแวกเดียวกัน เช่น สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น หรือเกาะฮ่องกง โรงเรียนนานาชาติในไทยถือได้ว่าคุ้มค่าทั้งในแง่ของคุณภาพและค่าใช้จ่าย

ในส่วนของมุมมองในภาพรวมอุตสาหกรรมโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย มีแนวโน้มว่าพ่อแม่จะให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการศึกษาของลูกมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยครอบครัวที่มีกำลังและความสามารถเพียงพอจะตัดสินในเลือกโรงเรียนนานาชาติ เพราะมีความมั่นใจในการปูพื้นฐานให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการแข่งขันทั้งทางด้านธุรกิจและการใช้ชีวิต

“ปัจจุบัน ตัวชี้วัดค่าความสำเร็จของนักเรียนเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้วัดความสำเร็จของเด็กที่ผลคะแนนหรือแค่การสอบติดหมอหรือวิศวะอีกต่อไป ผู้ปกครองยุคใหม่เปิดใจและสนับสนุนให้ลูกค้นหาความถนัดของตนเอง มีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ว่าจะส่งลูกเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ตอนเด็ก ๆ แล้วเมื่อโตขึ้นก็ค่อยส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่ปัจจุบันพวกเขามีความคิดว่าต้องลงทุน “Invest Now” เพื่อ “Harvest in the future” หรือเก็บเกี่ยวในอนาคต ซึ่งหมายถึง การลงทุนเรื่องการศึกษาให้ลูกในวันนี้ เพื่อให้ลูกมีความรู้และทักษะรอบด้านตั้งแต่ยังเล็ก พอพวกเขาเติบโตจะเป็นบุคคลคุณภาพที่มีความเพียบพร้อมในทุกด้านและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง ด้วยการมีความรู้และทักษะชีวิตที่พร้อมตั้งแต่ยังเด็กทำให้ลูกมีความพร้อมที่จะฟันฝ่าทุก ๆ ความท้าทายบนโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา” ดร. เต็มยศ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด กรรมการบริหารของดีบีเอส ยอมรับว่า ไม่ได้ทุ่มงบไปที่การโฆษณาตามสื่อ แต่เน้นการวางกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth) ที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะเป็นผู้บอกต่อ ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ท่ามกลางโรงเรียนนานาชาติจำนวนมากในปัจจุบัน

“สิ่งสำคัญจะต้องพัฒนาทำให้โรงเรียนมีคุณภาพที่ดีที่สุด เพราะดีบีเอสให้ความสำคัญกับการลงทุนในการศึกษาของเด็ก เป็นการลงทุนกับคน จึงต้องการทำให้นักเรียนของได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโรงเรียน นอกจากการพัฒนาทางด้านหลักสูตร พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดการและการให้บริการของโรงเรียนแล้ว สิ่งที่ DBS ได้พัฒนาคือบุคคล นักเรียนของ DBS จะต้องไม่เก่งอย่างเดียว เพราะเขาจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ จะต้องเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และกลับมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้สังคมบ้านเกิด เป็นประชากรที่ดีให้กับประเทศชาติและกับโลกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่เราภาคภูมิใจ คือ เราสร้างวัฒนธรรมของการอยู่ร่วมกันและการมีส่วนร่วม คณะครู เจ้าหน้าที่ นักเรียนและผู้ปกครอง ล้วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียนร่วมกัน เราจึงเรียกสังคมในโรงเรียนของเราว่าดีบีเอส คอมมิวนิตี้ ” ผศ.ดร.ต่อยศ กล่าวเสริม

ขณะที่ จอนนี่ ลิดเดิ้ล (Jonny Liddell) ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส ซึ่งมีประสบการณ์ในการดูแลโรงเรียนนานาชาติมาแล้วในอังกฤษ อิตาลี และญี่ปุ่น กล่าวถึงแนวทางการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชนอังกฤษ ว่าไม่ได้มุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และนวัตกรรมด้วย โดยโรงเรียนได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มาสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้

ขณะเดียวกัน ครูใหญ่จอนนี่ยังย้ำถึงการส่งเสริมให้นักเรียนมีทั้งองค์ความรู้เชิงวิชาการและความสามารถทางด้านทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทั้งด้านการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในทุกยุคทุกสมัย อย่างไรก็ตาม คุณจอนนี่กล่าวว่า โรงเรียนไม่สามารถสอนทุกอย่างได้ แต่การที่ให้นักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาความรู้เชิงลึก (Knowledge-rich curriculum) จะเป็นการเปิดทักษะที่สำคัญ คือ ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวและเผชิญกับทุกความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางคุณภาพและความทันสมัยของ อาคารเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวกของดีบีเอสที่อยู่ในระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

“หากพวกเขาสามารถต่อยอดความเข้าใจได้ด้วยตนเอง เมื่อเด็กได้เรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่ในโรงเรียน  ความสามารถในการเรียนรู้ในอนาคตของเขาจะมากขึ้น”

ทั้งนี้ ปัจจุบัน โรงเรียนนานาชาติมีอาคารทั้งหมด 5 อาคาร บนพื้นที่ขนาด 60  ไร่  ประกอบด้วย 1. อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล (Mini Dragons) 2. อาคารเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 (EY1-Year 11) 3. อาคารอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ เช่น โรงละครขนาดเล็ก (Black Box) สระว่ายน้ำ และ Dance Studio 4. พื้นที่โซนสนามกีฬาภายนอก ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ลู่วิ่ง สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส และกอล์ฟ และส่วนที่ 5. อพาร์ตเมนต์สำหรับเจ้าหน้าที่และครูต่างชาติ ขณะนี้ มีนักเรียนรวมกว่า 600 คน ครูชาวอังกฤษอีกกว่า 70 คน

ในส่วนของอาคารหลังใหม่จำนวน 2 อาคารที่กำลังก่อสร้างเป็นการพัฒนาระยะที่ 2 ของโรงเรียนดีบีเอส เพื่อรองรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นในปีการศึกษาถัดไป โดยจะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (IT suite) โรงละครและหอประชุมขนาด 665 ที่นั่ง ห้องซ้อมดนตรีและเวที ฟิตเนส เซ็นเตอร์ สตูดิโอศิลปะ สตูดิโอด้านประติมากรรม และสตูดิโอออกแบบ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เนสท์เล่ เปิดตัว ‘ไมโล นมถั่วเหลือง’ ทุ่มงบการตลาด 150 ลบ. ตั้งเป้าเป็น Top 5 ในปีแรก

LG ออกตัวแรง บุกตลาดแอร์ปี 65 ทุ่มงบ 250 ล้าน ปั้นแบรนด์ขึ้นแท่นผู้นำแอร์สุขภาพ

ซิตี้แบงก์แนะปรับพอร์ทลงทุนเน้นหุ้นโตยาว รับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น-นโยบายเข้มงวด-เลขเงินเฟ้อ

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ