ในงานเสวนาออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย-จีน หัวข้อ “The Rising of Chinese Tourist Forum” ที่มีการถ่ายทอดสู่ผู้ชมกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งเป็นทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก สินค้าและบริการต่าง ๆ หลังวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของประเทศไทย โดยปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาไทย 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยปีละ 30 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่มาตรการคลายล็อก เฟส 6 ของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 นั่นคือ การเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ใน 4 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่เข้ามาจัดแสดงสินค้า ประชุม นิทรรศการ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ในไทย
- กลุ่มที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์
- กลุ่มที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาล หรือเมดิคัล เวลเนส และ
- กลุ่มไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกราว 10,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 3,000 คน และต่างชาติ 7,000 คน
โดยชาวต่างชาติทุกกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ อาทิ การกักตัว 14 วัน และเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนด เป็นต้น
บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) อ้างอิงข้อมูลของหม่า เฟิง หว่อ แอปพลิเคชัน ด้านการท่องเที่ยวของจีน พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นกลุ่มทัวร์คิดเป็นสัดส่วน 30% ส่วนอีก 70% เป็นกลุ่ม FIT ซึ่งเป็นกลุ่มที่ความหยืดหยุ่นสูง และเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องการเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและประเทศไทยเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวได้
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่ม FIT ซึ่งสามารถแบ่งเป็นเซกเม้นท์ย่อย ได้ 4 กลุ่ม คือ
- กลุ่ม Super Luxury เดิมมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็นกลุ่มที่มีอัตลักษณ์ มีความเป็นมินิมอล จึงต้องการความพิเศษที่แตกต่างเฉพาะบุคคล การสร้างความประทับใจจะทำให้พิชิตใจได้
- กลุ่ม Adventurers เป็นกลุ่มที่นิยมท่องเที่ยวในรูปแบบ Road Trip one day trip Self – driving จึงนิยมท่องเที่ยวในสถานที่ที่แตกต่าง มีความท้าทาย
- กลุ่ม Value Seeker การท่องเที่ยวแบบ Culture Arts หรือเฉพาะกลุ่ม เช่น ครอบครัว
- กลุ่ม Revitalizer กลุ่มที่มาเที่ยวเพื่อบำบัดตัวเอง เน้นพักผ่อนระยะยาว อาทิ กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ กลุ่ม Medical travelers Medi-spa เป็นต้น
สันติ แสวงเจริญ รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ในวิถี New Normal ซึ่งพบว่าการใช้ชีวิต การท่องเที่ยวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม กลุ่มผู้สูงวัยและเด็ก จะลดการท่องเที่ยวลงเพราะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง รูปแบบการท่องเที่ยวจะถูกควบคุม และเป็นกลุ่มเล็กลง จากเดิมที่เป็นกลุ่มทัวร์ จะเปลี่ยนเป็นกลุ่ม FIT (Free Independent Traveler) ระยะเวลาในการเดินทางจะเน้นระยะสั้น และเลือกท่องเที่ยวในรูปแบบของเฮลท์ ทัวริสต์ซึม เป็นต้น
- ครม.บิ๊กตู่ 2/2 เสี่ยง “ต่างชาติไม่เชื่อมั่น”
- กสิกรไทย เปิดตัว MAKE by KBank โมบายแบงกิ้งของคนรุ่นใหม่
สำหรับการดำเนินงานของททท. นอกจากจะ Rebrand เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างสบายใจแล้ว จะเน้น Rebound การทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเจาะกลุ่ม Millennial ที่มีอายุ 24-39 ปี ทั้งกลุ่มคนทำงาน ผู้หญิง ครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มแต่งงานใหม่ มีกำลังซื้อ ซึ่งมีจำนวนราว 400 ล้านคน
ขณะเดียวกันจะเจาะกลุ่มนิช หรือกลุ่มเฉพาะ ได้แก่
- กลุ่ม เฮลท์ แอนด์ เวลเนส ที่เดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ และดูแลสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาล สปา
- กลุ่มสปอร์ต ทัวริสซึม เช่น กอล์ฟ มาราธอน มวยไทย
- กลุ่มลักชัวรี ปัจจุบันชาวจีนมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก
- กลุ่มโรแมนซ์ ชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมฮันนีมูน หรือพรีเวดดิ้ง เป็นต้น
พร้อมแนะนำผู้ประกอบการไทยให้เตรียมความพร้อมในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำโมบายแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ภาษาจีน การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียล มีเดีย อาทิ Wechat Weibo TikTok ฯลฯ การทำ KOL Influence จีน การใช้ Mobile Payment การสื่อสารภาษาจีน และการพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อรองรับ เป็นต้น
ถือเป็นความท้าทายของภาครัฐเช่นเดียวกัน ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศว่าการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหลังมาตรการคลายล็อกครั้งนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการระบาดซ้ำในประเทศไทย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ