TH | EN
TH | EN
หน้าแรกBusinessBEC World ทรานส์ฟอร์ม “ช่อง 3”​ จาก​ "ทีวี"​ สู่ "ธุรกิจคอนเทนต์" ครบวงจร

BEC World ทรานส์ฟอร์ม “ช่อง 3”​ จาก​ “ทีวี”​ สู่ “ธุรกิจคอนเทนต์” ครบวงจร

แม้ว่าวันนี้ช่อง 3 หรือ BEC World ใน 6 เดือนแรกของปี 2565 รายได้หลักราว 87-88% มาจากธุรกิจทีวี และมีเพียง 12% ที่มาจากธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มและธุรกิจต่างประเทศ (global content licensing) แต่อนาคต 5 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจทีวีจะลดลงมาอยู่ที่ 50% ในขณะที่รายได้อื่น ๆ รวมกัน (non-TV business) จะเป็น 50% 

สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 3 กล่าวว่า ปีนี้คือการเตรียมตัวและลงทุนสำหรับปี 2566 รายได้อื่น ๆ ที่จะมาเป็นเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับ BEC World คือ การขายสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ รวมถึงโครงการใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจทีวีลดลง 

“เราไม่ใช่ธุรกิจสถานีโทรทัศน์ แต่เราจะเป็นบริษัทผู้ผลิตคอนเทน ครบทั้งข่าว ละคร วาไรตี้ เกมโชว์ และเพลง รวมถึงอื่น ๆ ในอนาคต”

ตลาดทีวียังคงเติบโต แต่ไม่เติบโตมาก แต่มีโอกาสที่จะเติบโตมากกว่าปีก่อนหน้า ขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพที่ดีและขายได้ เช่นเดียวกับช่อง 3 ที่ดันกลยุทธ์ธุรกิจ Single Content-Multiple Platform นำคอนเทนต์ละครช่อง 3 ไปต่อยอดขายลิขสิทธิ์ในทุก ๆ แพลตฟอร์ม พยายามจะสร้างคอนเทนต์ที่สามารถออนแอร์ได้ที่ช่องและสามารถขายต่างประเทศไทย ต้นทุนถูกรวมอยู่ในการผลิตเพื่อป้อนช่องอยู่แล้ว การนำคอนเทนต์ไปขาย หมายถึงยิ่งขายมากขึ้นเท่าไร กำไรเท่านั้น

“ตอนนี้เป็นช่วงของการลงทุนเพื่ออนาคต ที่มุ่งไปลงทุนดิจิทัลแพลตฟอร์ม และลงทุนการขยายไปต่างประเทศ ไปขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดโลก ธุรกิจบริหารศิลปิน ธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจมิวสิค จะทำให้รายได้สัดส่วนเปลี่ยนไป จากสู่บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์ที่เป็นผู้นำในด้านนี้ไม่ว่าคอนเทนต์จะอยู่ในแพลตฟอร์มอะไร”

ทิศทางปี 2566 ที่จะเน้น คือ บันเทิง เอนเตอร์เทนเมนต์ และวาไรตี้ (เกมโชว์ การประกวดร้องเพลง) ซึ่งผู้ผลิตออกไปเปิดช่องเอง เป็นความท้าทายว่าจะทำงานกับพันธมิตรรายไหนที่จะสามารถเอาชนะผู้ประกอบการเดิมที่ไปเปิดช่องเอง 

“เพลงเป็นส่วนเติมเต็มที่ดีให้กับธุรกิจเรา เราอาจจะเป็น total entertainment company เป็น content provider  โดยใช้ศิลปินของช่อง ที่จะโชว์ความสามารถของตัวเองนอกเหนือจากการแสดง เราไม่ใช่ television business”

สิ่งที่เคยทำในอดีต อาทิ วันเกิดช่อง และอื่น ๆ การมีธุรกิจเพลง จะช่วยเสริมได้ เรามี แชนเดอเลียร์มิวสิกทำเพลงป้อนละครให้ช่องสาม ปีละ 30 กว่าเรื่อง ปีหนึ่งทำเพลงเยอะพอประมาณ ผ่านมาหลายปี เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงเยอะพอสมควร ละครประสบความสำเร็จ เพลงก็ดัง ปัจจุบันมีคนมาซื้อลิขสิทธิ์เพลง อาทิ เพลงของละครบุพเพสันนิวาส 

โควิดทำให้มีต้นทุนทางอ้อมสูงขึ้น เพราะทำงานยากขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การถ่ายทำยาวขึ้น การมีรายได้จากการขายจะช่วยได้มากเรื่องต้นทุน ทำให้ต้องปลี่ยนวิธีในการทำงาน การทำละคร producyion planning และ concept ในการทำละครเปลี่ยนไป เพราะ customer คือ คนดูละครในอาเซียน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย ยุโรป อเมริกา 

ปี 2565 ได้ขายไปแล้วกว่า 20 ประเทศ ด้วยละคร 10 กว่าเรื่องทั้งที่ออนแอร์ไปแล้วปีก่อนหน้าและที่ออนแอร์ในปีนี้ ทำให้มี future revenue สามารถทำ show case ผ่านตลาดต่างประเทศผ่านดาราได้ ดาราไทยเป็น influencer ในประเทศเพื่อนบ้าน 

ละคร (30 กว่าเรื่องในแต่ละปี) ผลิตโดย 2 รูปแบบ คือ ผลิตโดยผู้จัด (exclusiive กับช่อง) และโดย BEC Studio ทำให้ปี 2566 มีจำนวนละครเพิ่มขึ้น ขายละครออกต่างประเทศ จะขายทั้งสองส่วน แต่ละครที่ผลิตโดย BEC Studio จะตรงจริตมากกว่า

3Plus เป็นอนาคตที่สำคัญของบริษัท เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม แม้ว่าบริษัทจะมีพันธมิตร แต่ก็อยากเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์​ (own platform) รายได้จาก advertorial and subscription ปัจจุบัน มี monthly active user 10.6 ล้านคน 5.5 ล้านคน ที่มาลงทะเบียนในระบบ น้อยกว่า 100,000 คน จ่ายเงินผ่าน subscription model ต้องเป็นคอนเทนต์ที่เขาอยากจะดู และอยู่ในนั้น อาจะไม่ได้ขับคลื่อนด้วยจำนวนคอนเทนต์มากมาย แต่ขับเคลื่อนด้วยแฟนด้อม นอกเหนือจากการขับเคลื่อนด้วย original series 

รายได้ของ 3Plus platform ปี 2565 คือ AVOD ปี 2566 จะมีคอนเทนต์เอ็กซ์คูซีฟเฉพาะสำหรับ 3Plus รวมถึงออรจินัลคอนเทนต์สำหรับ 3Plus มากขึ้น  

เมื่อ “คอนเทนต์” คือ ศาสตร์และศิลป์ … “ข้อมูล” จึงสำคัญ

กาลเวลาพิสูจน์ “เด็กดีดอทคอม” กับ 23 ปี บนเส้นทางธุรกิจคอนเทนต์ดี ๆ เพื่อเด็กไทย

รายการข่าว สร้างรายได้หลัก อาจปรับราคา/ความยาว

ปีนี้มีปัญหาเรื่องการผลิต ละครหลายเรื่องไม่ได้มาตามนัด ต้องออกรีรันมากพอสมควร ช่วงทุ่มครึ่งและสองทุ่มครึ่ง แต่มีรายการที่ไปได้ดี โดยเฉพาะรายการในกลุ่มข่าว ที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรกในปีนี้ดีขึ้นมาก เรื่องเล่าเช้านี้ ข่าวเที่ยง โหนกระแส และเรื่องเด่นเย็นนี้ ข่าวเป็นพระเอกของเราในช่วงครึ่งปีแรก แตกต่างจากละครที่ถูกกำหนดโดยเฟิร์สรันและรีรัน ละครรีรันช่วยเรื่องต้นทุน แต่ทำให้รายได้ลดลง 

ปีนี้คนใช้เงินโฆษณายังคง conservative ใน 6 เดือนหลังจะทำให้ละครมาสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 มีละครที่จะรอออนแอร์ราว 3-4 เรื่อง ที่จะมีส่วนที่จะผลักดันรายได้ 

สำหรับข่าวอยู่ในโมเมนตัมที่ดี เพิ่มนาทีโฆษณา ขายได้ตลอด ในอนาคตมีโอกาสที่จะปรับราคาโฆษณาในช่วงรายการข่าว เชื่อว่ารายการข่าวจะยังคงเป็นกำลังหลักในการสร้างรายได้ ซึ่งเป็นวัฎจักร ในอดีตเคยขายได้ราคาดี ต่อมาเมื่อมีคนทำเยอะ ราคาก็ตกตอนนี้รายการข่าวที่ได้รับความนิยมจะกลับมาสามารถสร้างรายได้ได้มาก และอาจจะมากกว่าเดิมที่เคยได้ 

“ธุรกิจเราเป็นธุรกิจที่มีรายได้มาจากโฆษณา เวลามี booking เห็นรายได้ แต่บางครั้ง booking ก็ไม่ได้กลายมาเป็นตัวเงิน ธุรกิจทีวีนอกจาก content แล้วขึ้นกับปัจจัยภายนอกด้วย บางครั้งคอนเทนต์ธรรมดาแต่โมเมนตัมดีได้รับรายได้ บางครั้งคอนเทนต์ดีแต่จังหวะไม่ดี ก็ไม่ดี” 

ความหวังในไตรมาสที่ 4 รายได้น่าจะดี ไตรรมาสที่ 3 ละครทรง ๆ เพราะใช้รีรัน รายการข่าวดีอยู่ โอกาสที่รายได้ 6 เดือนหลังจะดีกว่ารายได้ 6 เดือนแรก 

“หาก currency ของการค้าขาย คือ เรตติ้ง ต้องปรับรายการ เพิ่มความยาว เวลารายการข่าว และปรับราคา เพื่อให้ ads loading ดีกว่านี้”

ทั้งนี้ กลุ่มทีวีมีรายได้มาจากละคร 55% ละคร 30% ข่าว (เพิ่มจาก 20% ในปีที่แล้ว) 15% วาไรตี้ และอื่น ๆ รวมเช่าเวลา รายได้จากทีวี ขายแอร์ไทม์ ขายเวลา ขายโฆษณา

ทั้งนี้ ช่อง 3 เริ่มเห็นกำไรในรอบ 3 ปี ในปี 2564 หลังจาก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กลับมาเป็นผู้ดำเนินรายการข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2564  

ผลประกอบการย้อนหลังของช่อง 3 

  • ปี 2561 มีรายได้ 10,486 ล้านบาท ขาดทุน 330 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 8,751 ล้านบาท ขาดทุน 397 ล้านบาท
  • ปี 2563 มีรายได้ 5,908 ล้านบาท ขาดทุน 214 ล้านบาท 
  • ปี 2564 มีรายได้ 5,680 ล้านบาท กำไรสุทธิ 761 ล้านบาท

โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายการข่าว ได้แก่ เรื่องเล่าเช้านี้ จันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-08.20 น. และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30-12.15 น.

บทความอื่น ๆ ที่ น่าสนใจ

ช่อง 3 ส่ง “คือเธอ” ขึ้น Netflix ออกฉายสู่อาเซียน แฟน ๆ ได้ดูวันเดียวกับไทย

ช่อง 3 เปิดตัว “CH3Plus Premium” ตั้งเป้ายอดสมาชิก 5 แสนคน ในปี 64

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ