TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistอย่าปล่อย 'โอกาสทอง' หลุดมือ

อย่าปล่อย ‘โอกาสทอง’ หลุดมือ

หลังจากเลือกตั้งเดือนกว่า ๆ ประเทศไทยอยู่ในความขมุกขมัวทางการเมืองที่ยังไม่เห็นทางออก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความมืดมน ก็ยังมีข่าวดี เนื่องจากในระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ จะมีงานใหญ่ระดับโลกในไทย โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีน หรือ WCEC จะมีนักธุรกิจจีนจากทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 4,000 คน จาก 40 ประเทศมาร่วมประชุม

สำหรับประเทศไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ครั้งแรกเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ในยุค “บรรหาร ศิลปอาชา” เป็นนายกรัฐมนตรี ในการประชุมจะมีนักธุรกิจเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกจะมาพบปะหารือ และประชุมร่วมกัน ปกติงานนี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุก2 ปี แต่ครั้งนี้จัดหลังจากว่างเว้นมานานถึง 4 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

อาจจะเป็นเพราะเว้นวรรคมานาน ครั้งนี้จึงมีผู้เข้าร่วมประชุมมากที่สุดตั้งแต่เคยมีการจัด มีนักธุรกิจจีนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมที่มาจากประเทศจีน 1,000 คน จากญี่ปุ่น 200 คนมาเลเซีย 170 คน อังกฤษ 20 คน จะมีผู้ติดตามราว 1,000 คน ส่วนนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีนที่เข้าร่วมงานนี้อีก 1,000 คนล้วนระดับบิ๊ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือซีพี เจริญ สิริวัฒนภักดี ค่ายไทยเบฟ ไกรสร จันศิริ ไทยยูเนี่ยน รวมทั้งลูกหลานของสมาชิก อาทิ ศุภชัย เจียรวนนท์ ฐาปน สิริวัฒนภักดี ธีรพงศ์ จันศิริ เป็นต้น

ด้านนักธุรกิจจีนก็มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งที่ลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้วและยังไม่เคยมาลงทุน เช่น กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้ามี บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์, บีวายดี ทั้งสองบริษัทนี้คือผู้ผลิตรถสัญชาติจีนรายใหญ่ จะยกขบวนมาพร้อมซับพลายเชน ยังมีบริษัท Guangzhou Pharmaceutical Holdings Limited ผู้ผลิตและจำหน่ายยาและสมุนไพรรายใหญ่ของจีน และเป็นเจ้าของเครื่องดื่มชาสมุนไพรเก่าแก่ที่ชื่อ “หวัง เหล่า จี๋” ที่คนไทยรู้จักดี 

อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า การจัดการประชุมครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดโอกาสในการขยายตลาดสินค้า เพิ่มขึ้นจากเดิม 35,000 ล้านเหรียญ เป็น 40,000 ล้านเหรียญ ทำให้เพิ่มสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปจีน จาก 12% เป็น 13% ภายในเวลา 5 ปี เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มจาก 10 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า ขณะที่เม็ดเงินลงทุนตรง (FDI) นักลงทุนจีนจะครองอันดับ 1 ในไทยไปอีก 1 ทศวรรษ สามารถเพิ่มมูลค่าการลงทุนจากปีละราว 80,000 ล้านบาท เป็นมากกว่า 1 แสนล้านบาทได้ในอนาคต

ไม่ใช่เรื่องง่ายและคงมีไม่บ่อยนักที่จะมีนักธุรกิจจีนนับพัน ๆ คน หากรวมทรัพย์สินไม่รู้ว่ากี่ล้านล้านบาทจะมารวมตัวกันอย่างครั้งนี้ ต้องบอกว่าเป็นโอกาสทองของไทยที่รัฐบาลจะต้องช่วงชิงโอกาสนี้มาให้ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนรวมถึงบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนต้องการหนีความขัดแย้งจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนหาที่ลงทุนใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เลือกจะย้ายไปยังเวียดนามและอินโดนีเซีย เพราะได้เปรียบไทยตรงที่ตลาดใหญ่กว่า การเมืองนิ่ง รัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่ถ้าไทยดึงมาได้จะเป็นประโยชน์กับประเทศมหาศาล

งานนี้จะวัดฝีมือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายรวมถึงองค์กรภาคเอกชนว่าจะสามารถจะดึงบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ให้เข้ามาลงทุนในไทยได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ บีโอไอ.ก็มีเป้าหมายดึงนักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยรวมทั้งเคยจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีนมาแล้ว

สำคัญที่สุดเป็นโอกาสดีที่ใช้จังหวะนี้ยกเครื่องยุทธศาสตร์การท่องเทียวของไทยใหม่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ต้องมีกลยุทธ์จูงใจให้นักธุรกิจหรือคนชั้นกลางในจีนที่มีกำลังซื้อสูง  กระเป๋าหนักกว่า 300 ล้านคน มาเที่ยวเมืองไทยทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่มากับทัวร์ศูนย์เหรียญซึ่งมีกำลังซื้อต่ำ พักช่วงสั้น ๆ เม็ดเงินตกอยู่กับธุรกิจคนจีน

นักท่องเที่ยวจีนที่มีฐานะดีพวกนี้ส่วนใหญ่จะเดินทางมาเอง จะไม่ผ่านบริษัททัวร์เพราะมีความรู้ พูดภาษาอังกฤษได้ จะจัดการเองทุกอย่างไม่ต้องอาศัยบริษัททัวร์ จะพักโรงแรมหรู เช่ารถคนไทย กินร้านอาหารไทย ของฝากก็จะนิยมซื้อจากคนท้องถิ่น เม็ดเงินที่จับจ่ายใช้สอยก็จะตกอยู่ในไทย อย่างไรก็ตามหวังผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้จะรู้จักประเทศไทยมากขึ้น เพราะมีหลายรายทีมาพร้อมกับครอบครัว และวางแผนอยู่เที่ยวต่อ

โอกาสทองอย่างนี้หาไม่ได้บ่อย ๆ ยิ่งยามที่ประเทศไทยต้องการเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ต้องการนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอยเพื่อฟื้นเศรษฐกิจจะทำอย่างไรที่จะคว้าให้ได้โดยไม่ปล่อยให้หลุดมือ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

“เหล้าเสรี” ด่านแรกทลายทุนผูกขาด

“ส่วยรถบรรทุก”… เหลือบที่ไม่เคยตาย

วิสัยทัศน์ “เศรษฐา ทวีสิน” จากธุรกิจ สู่การเมือง

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ