TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistอีลิท คาร์ด ช่องทางหาเงินจากคนต่างประเทศที่รักเมืองไทย

อีลิท คาร์ด ช่องทางหาเงินจากคนต่างประเทศที่รักเมืองไทย

สภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เมื่อต้นปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (TPC) รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ทำหน้าที่ดำเนินโครงการบัตรเอกสิทธิ์พิเศษชั้นนำของประเทศ มีแนวคิดขยายสิทธิประโยชน์รองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง และช่วยผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขายโครงการ เพื่อสร้างกระแสเงินสด ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เดินหน้าต่อไป ผ่านบัตรสมาชิก “Elite Flexible One” 

-Airbnb จับมือ พช. ปั้นโมเดลโปรโมทท่องเที่ยวชุมชนไทย
-5 ทริปท่องเที่ยวมาแรงในปี 2564

การจับมือระหว่าง ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ดกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ออกบัตร Elite Flexible One สำหรับชาวต่างชาติ ที่ต้องการสิทธิพิเศษในประเทศไทย โดยมีเงื่อนไข ผู้สมัครบัตรนี้ต้องซื้ออสังหาริทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมใหม่ สร้างเสร็จแล้ว มูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในกรณีที่คอนโดมิเนียมราคาไม่ถึง 10 ล้าน สามารถซื้อกระจายทำเลจากผู้ประกอบการรายเดียวกัน หรือบริษัทเดียว ให้มากกว่า 10 ล้านบาทและห้ามจำนอง จำหน่าย โอน ภายในระยะเวลา 5 ปี

บัตร Elite Flexible One มีค่าธรรมเนียมสมาชิก 5 แสนบาท อายุสมาชิกบัตร 5 ปี ได้อายุ Visa 5 ปี และสิทธิประโยชน์จากบริการที่สนานบินและอื่น ๆ 

โดยโปรแกรมนี้จะมีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี คือ เริ่ม 1 มกราคม 2564 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2565 คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจเป็นสมาชิกบัตรประมาณ 100 ใบเท่ากับจะจำหน่ายคอนโดมิเนียมได้ 100 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

โปรแกรมบัตร  Elite Flexible One ได้รับความสนใจจากบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ล่าสุด ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ( RML)  คอนโดระดับลักซ์ชัวรี่ 3 ทำเล ได้แก่  The Lofts Silom, The River และ The Diplomat 39

นอกจากนี้ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด มีแผนจะออกบัตรใหม่ ชื่อ เฟล็กซิเบิลพลัส (Elite Flexible Plus) เพื่อดึงสมาชิกอีลิทการ์ดลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หุ้น พันธบัตร พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก ในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ขี้นไป ภายใน 1 ปี และจะได้รับสิทธิ์ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ในไทย และวีซ่าระยะยาว 10 ปี เพื่อดึงเงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาทเข้าประเทศด้วย ขณะนี้ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ

กว่า 17 ปีที่ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ดำเนินการมามีสมาชิกรวมประมาณ 12,084 ใบ แบ่งเป็นสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย 60% ยุโรป 30% อเมริกา 9% และอื่น ๆ 1%

ในปีงบประมาณนี้ (สิงหาคม 2562 – กันยายน 2563) ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด มีจำนวนสมาชิกใหม่จำนวน 2,460 คน และตั้งเป้ารอบปีงบประมาณ 2564 สมาชิกใหม่ 3,000 คน โดย 2 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2563) มีสมาชิกใหม่ประมาณ 1,000 รายแล้ว  

บัตรเอกสิทธิ์ดังกล่าวมีตั้งแต่ สิทธิประโยชน์ด้านวีซ่าในการอยู่อาศัยระยะยาวในประเทศไทย ร่วมกับการบริการอำนวยความสะดวกในการเข้าออก และการอยู่อาศัยในประเทศไทยรวมทั้งเอกสิทธิ์ทางด้านสิทธิประโยชน์ภาคธุรกิจ และบริการต่าง ๆ แบ่งเป็นเอกสิทธิตามบัตรทั้งหมด 8 ประเภท

  • ประเภทแรก บัตร Elite Ultimate Privilege ราคา 2 ล้านบาท บัตรอายุ 20 ปี  เก็บค่าสมาชิกรายปีปีละ 2 หมื่นบาท
  • ประเภทที่ 2 บัตร Elite Family Premium  ราคา 1 ล้านบาท ค่ารายปีปีละ 1 หมื่น
  • ประเภทที่ 3 บัตร  Elite Superiority Extension ราคา 1 ล้านบาท บัตรอายุ 20 ปี 
  • ประเภทที่ 4 บัตร  Elite Family Alternative ราคา 8 แสนบาท ครอบครัวสามารถเป็นสมาชิกเพิ่มได้ คนละ 7 แสนบาท อายุสมาชิก 10 ปี
  • ประเภทที่ 5 บัตร  Elite Privilege Access ราคา 1 ล้านบาท ครอบครัวสามารถเป็นสมาชิกเพิ่มได้ คนละ 8 แสนบาท อายุสมาชิก 10 ปี
  • ประเภทที่ 6 บัตร  Elite Maxima Health ราคา 1.5 ล้านบาท อายุสมาชิก 5 ปี
  • ประเภทที่ 7 บัตร  Elite Family Excursion ราคา 8 แสนบาท อายุสมาชิก 5 ปี
  • ประเภทที่ 8 บัตร  Elite Easy Access ราคา 5 แสนบาท อายุสมาชิก 5 ปี สามารถอัพเกรดบัตรได้

โดยบัตรแต่ละใบมีรายละเอียดและสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน

ส่วนจำนวนสมาชิกผู้ใช้บัตรแบ่งเป็น บัตรที่มีมูลค่า 5 แสน จำนวน 60% บัตรมูลค่า 1 ล้าน จำนวน 18% และบัตร 8 แสนจำนวน 16% การจำหน่ายบัตรเอกสิทธิ์สามารถหาเงินเข้าประเทศได้จำนวนมาก เพราะนอกเหนือจากค่าสมาชิกบัตรแล้ว ยังสามารถสร้างเม็ดเงินจากการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอยของสมาชิกบัตรอีกด้วย

นอกเหนือจากเงื่อนไขบัตรแต่ละประเภทแล้ว ช่วงโควิดที่ผ่านมา มีสมาชิกบัตร ประมาณ 3,000 คนที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยทั้งหมดใช้เงินในการดำรงชีวิตประมาณ 100 เหรียญต่อวันต่อคน

และมีแนวโน้มว่า ชาวต่างชาตินิยมอาศัยหรือมีถิ่นพำนักในประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศน่าอาศัยคุณภาพชีวิตดีและมลภาวะไม่มาก ราคาค่าพักอาศัย (Cost of Living) ไม่สูงมาก

สมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการใหญ่ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด มั่นใจว่าเมื่อเริ่มมีวัคซีนป้องกัน โควิด ประเทศไทยจะเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติที่จะมาพักอาศัยเหมือนที่ผ่านมา

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ