TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistกว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ชัยฯในวัย 80 ปี

กว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ชัยฯในวัย 80 ปี

ในช่วง 8 ทศวรรษที่ผ่านมา “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” แลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในพื้นที่โดยรอบอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ทำให้ผู้คนอาจมีความทรงจำที่ต่างกันไปตามยุคสมัย แต่จะมีสักแค่ไหนที่รู้ว่าสถานที่นี้มีที่มาอย่างไร

เวลาเช้าของวันที่ 24 มิถุนายน ปี พ.ศ.2484 ซึ่งตรงกับวันชาติ พลตรีพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นประธานประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ที่มีจารึกคำปรารภว่า “ขอให้อนุสารีย์ชัยสมรภูมิเป็นถาวรวัตถุที่ระลึกถึงเกียรติของผู้เสียสละแล้วซึ่งชีวิตเพื่อประเทศชาติสืบไป”

ผู้เสียสละชีวิตในที่นี้ หมายถึง วีรชนไทยในกรณีพิพาทอินโดจีน ไทยกับฝรั่งเศส ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2483 ถึงเดือนมกราคม ปี พ.ศ.2484 จำนวนรวม 59 นาย ประกอบด้วย 5 เหล่า คือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ซึ่งรัฐบาลมีมติให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกความเสียสละของพวกเขา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2484 

ในครั้งนั้นได้พิจารณาเลือกพื้นที่บริเวณถนนประชาธิปัตย์ (ต่อมาเปลี่ยนเป็นถนนพหลโยธิน) ตอนต้นของถนนพญาไทและถนนราชวิถี โดยมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมจากเจ้าของที่ดินทั้งสิ้นจำนวน 18 ราย รวมพื้นที่ 6,781 ตารางวา ซึ่งมีที่ดินบางส่วนของรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 รวมอยู่ด้วย 

การก่อสร้างใช้เวลาดำเนินการราว 1 ปีก็แล้วเสร็จ ในวันชาติ 24 มิถุนายนของปี พ.ศ.2485 มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี มีการสวนสนามของกำลังพลเหล่าทัพต่าง ๆ ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ รวมทั้ง ยุวชนทหาร อาสากาชาด ยุวนารีและนักเรียน

หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล สถาปนิกกรมโยธาเทศบาล เป็นผู้ออกแบบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิให้มีรูปทรงเป็นดาบปลายปืนจำนวน 5 เล่ม ประกอบรวมกันเป็นกลีบมะเฟืองแนวตั้ง ปลายดาบชี้ขึ้นข้างบน หันส่วนคมออก มีความสูง 30 เมตร ด้วยแนวคิดว่าดาบปลายปืนเป็นอาวุธประจำกายของทหาร เปรียบเสมือนการต่อสู้อันแหลมคมทั้งอาวุธและสติปัญญา การต่อสู้ด้วยดาบปลายปืนจึงถือเป็นความกล้าหาญ

งานก่อสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นผิวประดับด้วยหินอ่อนสีเทา รวมความสูงจากฐานถึงยอดสุดประมาณ 50 เมตร ด้านนอกรอบโคนดาบปลายปืน มีรูปหล่อทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ครบ 5 เหล่า ความสูงขนาด 2 เท่าของคนจริง เป็นผลงานของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และช่างปั้นกรมศิลปากร จำนวน 4 คน

บริเวณฐานอนุสาวรีย์มีแผ่นจารึกทำด้วยหินอ่อน ตัวอักษรหล่อด้วยทองแดง แสดงรายชื่อวีรชนที่เสียชีวิตจากกรณีพิพาทไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสจำนวน 59 นายไว้ ด้านในของฐานเป็นห้องโถงใช้เก็บกระสุนปืนใหญ่และบรรจุอัฐิทหารที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทครั้งนั้น

ต่อมากระทรวงกลาโหมได้ประกอบพิธีบรรจุอัฐิวีรชนผู้เสียสละจากสมรภูมิอื่น ๆ และจารึกชื่อเพิ่มไว้ที่แท่นฐานอนุสาวรีย์ทั้งด้านนอกและด้านในรวมจำนวนกว่า 8,100 ราย

ทั้งนี้รูปทรงสูงเด่นของอนุสาวรีย์ฯ ที่เราคุ้นเคย บุตรชายของสถาปนิกผู้ออกแบบ คือ อาจารย์ธนู มาลากุล เชื่อว่านอกจากแนวคิดการออกแบบเป็นสัญลักษณ์ตามอย่างขนบแบบตะวันตกแล้ว ยังน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามด้วย

แรกเมื่อมีอนุสาวรีย์เกิดขึ้น บริเวณโดยรอบยังเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ริมถนนบางช่วงเช่นด้านถนนพญาไทมีต้นจามจุรีสูงใหญ่ขนาบสองข้างถนนดูรมรื่น คลองสายเล็กที่อยู่รายรอบมีบ้านเรือนประปราย ภูมิทัศน์คล้ายเมืองกึ่งชนบท แตกต่างจากภาพที่คนยุคนี้คุ้นเคยยิ่งนัก

ปัจจุบันอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตั้งอยู่ที่เขตราชเทวี เป็นวงเวียนอยู่กึ่งกลางจุดตัดระหว่างถนนพญาไท ถนนราชวิถี และถนนพหลโยธิน โดยถือเอาอนุสาวรีย์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนนพหลโยธิน

ย่านอนุสาวรีย์ฯ จึงเป็นจุดเชื่อมต่อถนนสำคัญหลายสาย และยังเป็นศูนย์กลางของบริการรถโดยสารสาธารณะที่ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร พื้นที่รอบอนุสาวรีย์ฯ มีรถเมล์วิ่งไปมาผ่านย่านสำคัญต่าง ๆ ทั่วทุกทิศทาง ไม่ว่าย่านฝั่งธนบุรี นนทบุรี รังสิต รามคำแหง มีนบุรี บางนา เชื่อมต่อสถานีขนส่งสายใต้ สายเหนือ แม้กระทั่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ทำให้ในแต่ละวันมียวดยานวิ่งผ่านมากมายจนมีการจราจรคับคั่งอยู่ตลอดเวลา 

ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางขนาดใหญ่เพราะมีบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ายกระดับแห่งแรกของประเทศไทย เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดปทุมธานี อีกทั้งเป็นแหล่งรวมบริการรถตู้สาธารณะที่รับส่งผู้โดยสารไปมายังต่างจังหวัด รวมถึงเป็นจุดแวะรับส่งระหว่างทางที่สำคัญด้วย

การมีฐานะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญทำให้มีปริมาณผู้คนสัญจรแต่ละวันจำนานมาก จนพื้นที่รอบอนุสาวรีย์กลายเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มายาวนานหลายสิบปี และมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตามความเจริญทางด้านการคมนาคม

ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ มีหลายเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนต้องจดจำ เรื่องที่เป็นตำนานกล่าวขานไม่รู้จบ ก็คือ เป็นแหล่งก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อดังตั้งแต่ครั้งอดีต 40-50 ปี เหตุเพราะพื้นที่โดยรอบมีคลองสายเล็กหลายสาย วันเวลาเปลี่ยนไปผู้ค้าหลายรายยกร้านจากเรือพายในคลองมาอยู่อาคารทันสมัย หลายรายเริ่มต้นจากที่นี่แล้วขยายสาขาไปยังย่านการค้าอื่น ๆ แม้กระทั่งในศูนย์การค้าแบบโมเดิร์นเทรดในชื่อแบรนด์ว่า “ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์

ยุคสมัยสื่อบันเทิงที่เรียกว่าเทปคาสเซ็ทเฟื่องฟูเมื่อราว 40 ปีก่อน นักฟังเพลงไม่ว่าจากไหนมักจะต้องแวะเวียนมาหาซื้อเพลงจากนักร้องที่ชื่นชอบย่านอนุสาวรีย์ เพราะมีแผงขายเทปขนาดใหญ่มากด้วยเพลงดังทั้งของไทยและต่างประเทศให้เลือกซื้อหาได้แต่เช้ายันค่ำคืน ชวนให้การค้าแบบแผงลอยอื่น ๆ พลอยเฟื่องฟูตามมา ไม่ว่าหนังสือมือสอง หรือกระทั่งสินค้าของเล่นเด็กที่เปิดขายในรูปแบบประมูลกันสนุกสนาน

ครั้งหนึ่งพื้นที่ย่านอนุสาวรีย์ฯ เคยเป็นแหล่งรวมแผงลอยเสื้อผ้าแฟชั่นชายหญิงที่คึกคักที่สุดของกรุงเทพมหานคร พ่อค้าแม่ขายยึดพื้นที่ริมทางตั้งวางแผงลอยเรียงรายนับจำนวนไม่ถ้วน มีทั้งสินค้าใหม่และที่ใช้แล้วแบบ “เสื้อผ้ามือสอง” ค้าขายกันยันดึกดื่นนานหลายปี จนต่อมามีพัฒนาการเติบโตเป็นศูนย์การค้าขายสินค้าแฟชั่นที่เรียกว่า ห้างเซ็นเตอร์วัน ในปี พ.ศ.2538 กลายเป็นห้างแห่งที่สองของย่านอนุสาวรีย์ฯ โดยมีซอย 100 ร้าน แหล่งสินค้าแฟชั่นราคาถูกเป็นแม่เหล็กคู่กัน

ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง “โรบินสัน” ที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเปิดให้บริการสาขาแรกที่ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ในปี พ.ศ.2522 ถือเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของย่านนี้

การปรากฏตัวของห้างใหม่ปลุกให้ย่านการค้าเก่าแก่ที่เคยมีแต่ตึกแถวและแผงลอยยกระดับหน้าตาทันสมัยขึ้น กลยุทธ์สะสมแสตมป์แลกสินค้าพิเศษส่งให้ห้างเล็ก ๆ โด่งดังเป็นที่รู้จักและกล่าวขานกันปากต่อปาก ประสบความสำเร็จจนต่อมาสามารถขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในปี พ.ศ.2535 ถือเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย

สำหรับบรรดาหนอนหนังสือย่านนี้ยังเคยมีร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีหนังสือจำนวนมากมาย ตั้งอยู่ในทำเลหัวมุมตรงข้ามฟากถนนกับห้างดัง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานลอย ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลางกลุ่มเดียวถ่ายเทไปมาได้สะดวก อีกทั้งยังรองรับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มาใช้บริการโรงเรียนสอนพิเศษที่ตั้งรายล้อมย่านอนุสาวรีย์ได้อย่างลงตัว

ความคึกคักเติบโตของย่านการค้าแห่งนี้ต้องสะดุดหยุดลงเมื่อประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี พ.ศ.2540 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจส่วนใหญ่จนห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาแรกต้องปิดตัวลงในปี พ.ศ.2544 และเปลี่ยนเจ้าของปรับโฉมเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นมอลล์ในปีถัดมา เน้นขายสินค้าแฟชั่นและความงาม

ภายหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ในปี พ.ศ.2548 ก็มีห้างแห่งใหม่เน้นเป็นแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์และธุรกิจบริการคือศูนย์การค้าเซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ บนทำเลเดิมของโรงภาพยนตร์เซ็นจูรี่ ทำให้ย่านอนุสาวรีย์ฯ มีห้างสามแห่งอยู่ใกล้กัน ส่วนพื้นที่เกาะรอบอนุสาวรีย์ปรับภูมิทัศน์ออกแบบเป็นที่ตั้งของร้านค้ารายย่อยต่าง ๆ มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า อาหารและขนม ฯลฯ ในชื่อวิกตอรี่พอยท์ สำหรับรองรับผู้ที่ใช้บริการโดยสารรถประจำทางและผู้สัญจร

แต่สำหรับคนยุคนี้ ย่านอนุสาวรีย์ฯ อาจมีความทรงจำที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะหลายปีที่ผ่านมามีผู้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่แสดงออกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก และการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านอำนาจของผู้ปกครอง 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากายภาพของพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ความทรงจำผู้คนจะต่างกันเพียงใด แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนตามคือตัวอนุสาวรีย์ที่ตั้งเด่นทำหน้าที่เป็นวงเวียน ณ แยกใหญ่แห่งนี้มานานเกือบ 80 ปี

คอลัมน์ “ที่มา-ที่ไป” … สารพัดเรื่องราวที่เราอยากให้คุณรู้

สมชัย อักษรารักษ์ … อดีตบรรณาธิการ ผู้มีประสบการณ์ 20 ปี ในวงการงานข่าวการตลาด-ไอที แต่มีความสนใจในประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ จนได้ใช้ทำงานสารคดีนาน 10 ปี

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ