TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistไขความลับนักท่องเวลา 'Warren Buffett' ผู้มาก่อนกาลโลกลงทุน

ไขความลับนักท่องเวลา ‘Warren Buffett’ ผู้มาก่อนกาลโลกลงทุน

การล่วงรู้อนาคต อาจสร้างความสบายใจและกังวลในใจให้เราได้พร้อม ๆ กัน แต่มันจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถทำนายได้ว่า หุ้นตัวไหนราคาจะขึ้น!

…เส้นทางสู่การเป็นมหาเศรษฐีคงอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงไหมล่ะครับ

เคยสงสัยกันไหมล่ะครับ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากการซื้อหุ้น เขาทำได้ยังไงกัน เขารู้ได้ยังไงว่าควรซื้อ ควรถือไว้ หรือว่าควรขายตอนไหน แล้วทำไมนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ถึงสามารถทำกำไรจากหุ้นได้มากมายมหาศาล

ในจำนวนหุ้นเป็นหมื่น ๆ ตัว เขารู้ได้ยังไงว่า หุ้นตัวไหนควรซื้อ และควรถือไปจนถึงเมื่อไหร่ ราวกับว่าเขาล่วงรู้อนาคตยังไงอย่างนั้น หรือว่าปู่ Buffett มาจากอนาคต?

ผมจะพาไปไขปริศนา สืบค้นความจริงจากหลักฐาน เปิดประวัติการลงทุนที่ดูจะผิดแปลกจากคนทั่วไป แต่กลับสร้างกำไรให้ปู่ Buffett ได้มากมาย

นักลงทุนผู้มาก่อนกาล

ปัจจุบันมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยจากการซื้อหุ้นมากมาย แต่คนที่กลายเป็นตำนาน และเป็นแบบอย่างให้นักลงทุนทั่วโลกคงหนีไม่พ้น Warren Buffett นักลงทุนสาย VI (Value Investing) ชื่อก้องโลกครับ

โดยปู่ Buffett ทำผลตอบแทนเฉลี่ยชนะดัชนี S&P 500 ได้เกือบเท่าตัว ตลอดระยะเวลากว่า 58 ปี ปู่ทำได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่มีหุ้นในตลาดเพียงหยิบมือที่ทำผลตอบแทนโดดเด่นและเป็นตัวเอกในการดึงผลตอบแทนของดัชนีขึ้นสูง

หยิบมือเดียวน้อยขนาดไหน? ‘งานวิจัยอันโด่งดังเรื่อง Do Stocks Outperform Treasury Bills?’ ของ Hendrik Bessembinder ได้ให้ข้อมูลที่เรียกได้ว่าเหมือนเอาน้ำเย็น มาราดใส่นักลงทุนทั่วทั้งโลก

นั่นคือตลอดช่วงปี 2469-2559 มูลค่าตลาดของดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นมา 32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณครึ่งนึงของมูลค่าที่เพิ่ม เกิดจากหุ้นเพียง 90 ตัวเท่านั้น จาก 25,332 ตัว หรือ 0.36% ของหุ้นทั้งหมด

ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันครับ ว่าราคาหุ้นมันไม่ได้สูงขึ้นพรวดพราด มันต้องใช้เวลา นั่นเท่ากับว่าปู่ Buffett ไม่เพียงซื้อหุ้นถูกตัว แต่ยังซื้อและขายได้ถูกเวลาอีกด้วยครับ..

…หรือปู่จะมาจากอนาคต?

จับผิดนักท่องเวลาที่ชื่อว่า Warren Buffett

หากพูดถึง Warren Buffett คงไม่พูดถึง Berkshire Hathaway ไม่ได้ครับ เพราะ Berkshire เป็นเหมือนเรือธง ที่พาให้ปู่ Buffett ประสบความสำเร็จกลายเป็นนักลงทุนระดับโลกในทุกวันนี้

ปัจจุบัน Berkshire Hathaway มีมูลค่าหุ้นอยู่ที่ หุ้นละ 531,840 ดอลลาร์สหรัฐ แต่รู้ไหมครับว่าตอนที่ปู่เข้าซื้อ หุ้น Berkshire มีมูลค่าเพียง 7.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น เท่านั้น!

เดิม Berkshire Hathaway ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ ต่อมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จนทำให้ธุรกิจเริ่มย่ำแย่ ก่อนจะถูกซื้อโดย Buffett ในปี 2505 โดยปู่ใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการเข้าซื้อหุ้นจนสามารถควบคุมบริษัทได้ครับ

จากนั้น ปู่ก็เปลี่ยนให้ Berkshire เป็น Holding Company บริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก โดยเริ่มจากการเข้าซื้อธุรกิจประกันภัย National Indemnity Company

ถึงตรงนี้ เริ่มมีอะไรแหม่ง ๆ ใช่ไหมครับ ว่าปู่ Buffett คิดอย่างไรถึงซื้อบริษัทสิ่งทอที่กำลังตกต่ำ และอยู่ดี ๆ ก็เอาบริษัทนั้น มาไล่ซื้อหุ้นธุรกิจอื่นๆ แล้วทำไมต้องเริ่มจากธุรกิจประกันภัย ที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย

อะไรทำให้นักลงทุนผู้มากความสามารถในขณะนั้น ตัดสินใจทำในสิ่งที่ดูไม่มีความเชื่อมโยงกันเสียเลย

ถ้าจะเล่นหุ้นทำไมปู่ถึงเลือกซื้อธุรกิจที่กำลังตกต่ำก่อน หรือปู่รู้อนาคตว่าทำแบบนี้แล้วจะ ‘รุ่ง’

สืบสวนจากหลักฐาน

เราจะพาคุณค่อย ๆ สืบหาความจริงกันครับ ว่าปู่ Buffett มาจากอนาคตหรือไม่ เพราะมีหลายครั้งเหมือนกัน ที่การลงทุนของปู่ ดูจะประสบความสำเร็จแบบผิดวิสัย…ปู่รู้ได้ยังไงว่าหุ้นตัวนี้ อีกหลายปีราคาจะพุ่งกระฉูด

หลักฐานชิ้นแรกคือ หุ้น AXP หรือ American Express ครับ ที่ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ของ Berkshire การซื้อหุ้น บริษัทด้านบัตรเครดิตที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังก็ดูจะไม่แปลกอะไรใช่ไหมครับ

แต่ในขณะนั้น American Express ดันอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนักนี่สิ…ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 50% เป็นใครก็คงจะส่ายหัว ไม่กล้าเข้าไปลงทุน แต่ปู่กลับซื้อหุ้นจำนวนมาก…

จนปัจจุบัน ปู่ก็ยังถืออยู่ และเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนมากเป็นอันดับต้นๆ ของพอร์ตอีกด้วย

โดยต้นทุนของหุ้น AXP คือ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในสิ้นปี 2565 มูลค่าหุ้น AXP ในพอร์ต Berkshire มีมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นกำไร 1,823.1% เลยทีเดียว

หลักฐานชิ้นต่อมาคือ การซื้อหุ้นของ BYD แบรนด์รถยนต์ EV ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งก็ดูจะไม่แปลกอะไรอีกตามเคย

แต่ถ้าเราสืบข้อมูลดูดีๆ จะพบว่าปู่ซื้อหุ้น BYD ในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตซับไพร์ม!…แต่ปู่กลับกล้าลงทุนในธุรกิจที่ดูจะอิงกับอนาคต เพราะในขณะนั้น รถยนต์ไฟฟ้าหรือ รถ EV ยังไม่ได้แพร่หลายอย่างในปัจจุบัน

ปู่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าซื้อหุ้นถึง 10% จากบริษัทที่มีมูลค่า 232 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังเคยให้สัมภาษณ์แบบติดตลกอีกครับว่าอยากลงทุน 25% ด้วยซ้ำ แต่เจ้าของบริษัทไม่ยอมขายหุ้นเกิน 10%

ซึ่งเมื่อสิ้นปี 2564 มูลค่าของ BYD ในพอร์ต Berkshire อยู่ที่ 7,693 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรไปถึง 32 เด้ง ในระยะเวลาแค่ 13 ปีเศษ เท่านั้นเอง

นอกจากนี้ ปู่ยังมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยอีกมากครับ เป็นการลงทุนที่คนทั่วไปไม่ทำ แต่ปู่กลับทำ เช่น…ในช่วงสงครามที่ ความกลัวปกคลุมไปทุกหนทุกแห่ง ตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักแต่ปู่กับสวนกระแสด้วยการเข้าซื้อซะอย่างนั้น

หรือจะเป็นในช่วงที่เกิดวิกฤติเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางของหลาย ๆ ประเทศต่างออกมาใช้นโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดหุ้นร่วงกันระนาว เพราะคนต่างพากันเทขาย และนำเงินไปฝากธนาคาร เพราะได้ดอกเบี้ยมากขึ้น แต่ปู่กลับกระหน่ำซื้อ ด้วยเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียวครับ แบบนี้ไม่เรียกว่ารู้อนาคต แล้วจะเรียกว่าอะไร

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

ดูจากหลักฐานต่าง ๆ แล้ว แทบจะรอไม่ไหวที่จะส่งคนไปรับปู่มาสอบสวนหาความจริงเลยใช่ไหมครับ

แต่หลังจากที่นำเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างมาวิเคราะห์ ต่อด้วยตีลังกาคิดอีกหลายตลบ ก็ค้นพบความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้นจนได้ครับ…จริง ๆ แล้วปู่ก็ได้ให้เหตุผลไว้หมดแล้วนั่นแหละ

เริ่มตั้งแต่การซื้อบริษัท Berkshire Hathaway ปู่ได้ให้เหตุผลง่าย ๆ ว่า ‘ราคาหุ้นนั้นถูกมาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่’ แต่แล้วธุรกิจสิ่งทอที่มีแต่ปัญหา ก็ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจมาเป็น การลงทุนในบริษัทอื่น ๆ แทนครับ

และการที่ปู่เริ่มจากการเข้าซื้อธุรกิจประกันภัย ก็เป็นเพราะว่า เงินที่ได้จากการรับประกันจะมากองอยู่ที่บริษัท โดยที่ยังไม่ต้องชำระค่าสินไหม ทำให้สามารถนำเงินจำนวนนั้นไปเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล

การซื้อหุ้น AXP ในช่วงที่ราคาตกลงมากว่า 50% นั่นก็เพราะปู่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องอื้อฉาวที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและพากันเทขาย แต่บริษัทยังคงดำเนินกิจการได้อย่างแข็งแกร่งครับ ยังเห็นผู้คนใช้ผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลาย

ส่วนการตัดสินใจซื้อหุ้น BYD นั้น ปู่ได้ศึกษาจนอ่านเกมขาดว่า บริษัทมีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการผลิตรถ EV ของโลกได้ และมีเจ้าของที่เก่งมากๆ

และการลงทุนในช่วงสงครามหรือช่วงเงินเฟ้อนั้น เนื่องจากในช่วงวิกฤตดังกล่าว ค่าของเงินจะลดลงเรื่อย ๆ การลงทุนนี่แหละที่จะช่วยให้ค่าของเงินไม่ลดลงตาม เพราะการลงทุนในธุรกิจที่ยังคงทำงานอยู่

ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือแม้แต่อพาร์ตเมนต์ก็ตาม จะทำให้คุณยังคงได้รับผลตอบแทน และธุรกิจเหล่านั้นก็มีแต่จะเติบโต สวนทางกับมูลค่าเงินสดที่คุณถือไว้เฉย ๆ แน่นอน

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราได้รู้ครับว่า กว่าที่ปู่จะทำแบบนี้ได้นั้น ต้องผ่านการศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง ปู่ไม่ใช่นักเดินทางข้ามเวลาอะไรทั้งนั้น

สิ่งที่ปู่ทำให้เห็นอยู่เสมอก็คือ การมองที่ตัวธุรกิจ ไม่ได้มองแค่ราคาที่มันขึ้นลง และปู่ก็บอกอยู่บ่อย ๆ ว่าเขาไม่ใช่ ‘นักเลือกหุ้น’ แต่เป็น ‘นักเลือกธุรกิจ’

นอกจากนี้สิ่งที่ช่วยยืนยันว่า ปู่ Buffett ไม่ได้มาจากอนาคต หรือมองเห็นมันได้นั่นก็คือ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปู่เริ่มลงทุน ก็มีหลายครั้งเช่นกันที่ พลาด ‘ตกรถ’ หรือ ‘ขายหมู’ ครับ

แต่สิ่งที่ปู่ทำคือ ยึดมั่นในหลักการลงทุนของตัวเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และหมั่นศึกษาหาข้อมูลอยู่เสมอ จนกลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ครับ

คุณก็สามารถทำนายอนาคตได้

ปู่ Warren Buffett ไม่เคยปิดบังหลักการลงทุน หรือวิธีคิดต่างๆ เรียกได้ว่าแทบจะสอนแบบจับมือเขียนเลยด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนหลาย ๆ คน ยังคงติดหล่มอยู่ในวังวน เป็นนักปีนเขาที่ติดอยู่บนดอย ประเด็นหลัก ๆ นั่นก็คือ การยึดมั่นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง ไม่ใช้อารมณ์เข้ามามีอิทธิพล และการทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังลงทุนอย่างท่องแท้ครับ

ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนคุณสามารถรับรู้ข่าวสารได้ง่ายดาย จึงกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้อารมณ์ความกลัว หรือความโลภ แฝงเข้ามาโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวครับ

หากคุณยึดหลักการลงทุนที่ถูกต้องให้มั่น และหมั่นหาความรู้อยู่เสมอเส้นทางในอนาคตคุณอาจประสบความสำเร็จ…จนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่า มาจากอนาคตคนต่อไปก็เป็นได้

โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

‘เจ้ามือ’ ในตลาดหุ้นที่แท้ทรูของชาว VI

บทเรียนการขาดทุนฝังใจ จาก ISSAC NEWTON อัจฉริยะติดดอย

บทพิสูจน์กลยุทธ์ ‘จับจังหวะตลาด’ ดีจริงไหม…คุ้มค่าแค่ไหน?

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ