TH | EN
TH | EN
หน้าแรกColumnistจีดีพี ปี 65 จบที่ 3.4% ปีหน้าต้องลุ้น

จีดีพี ปี 65 จบที่ 3.4% ปีหน้าต้องลุ้น

สัปดาห์ก่อนหน้า อาคม​ เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างเปิดงาน Thailand Economic Monitor Distributional Impact of Fiscal Spending and Revenue อย่างมั่นใจว่า เศรษฐกิจปีนี้ที่กำลังจะปิดฉากในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะขยายตัว  3.4​% สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย​ ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัว​ 3.8% 

รมว.คลัง ระบุปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ว่าเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะอยู่ราว 10 ล้านคน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 21.5 ล้านคน รวมไปถึงการบริโภคในประเทศและรายได้ของภาคเกษตรเพิ่มขึ้น

พูดถึงเส้นทางเศรษฐกิจปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่คาดเดายากมากอีกปีหนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจปี 2565 ออกสตาร์ทนั้น กระทรวงการคลังประกาศว่าจีดีพีจะขยายตัว 4% ดีกว่าปี 2564 ที่ขยายตัว 1.6% โดยมีแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐ การบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้น และการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว มีการประเมินตอนนั้นว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยสูงสุด 7 ล้านคน แต่ฉากเศรษฐกิจที่มีสีสันสดใสกลับซีดลงทันทีเมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ โอมิครอน คาบเกี่ยวระหว่างปลายปีที่แล้วกับต้นปีนี้ 

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น แบงก์ชาติออกมาประเมินว่าหากการระบาดของโอมิครอนไม่จบภายใน 6 เดือนจะทำให้เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ สะดุด แม้ภายหลังโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนระบาดอยู่ในวงจำกัด แต่หลายสำนักเห็นท่าไม่ดี ก็ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลง   

เช่น ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้จาก 3.4% เหลือ 3.2% โดยประเมินว่าการระบาดของโอมิครอน กรณีที่เลวร้ายสุด ๆ นักท่องเที่ยวเข้าไทยจะเหลือเพียง 2.6 ล้านคน จากเดิมคาดว่าจะมีประมาณ 5.9 ล้านคน ส่วนศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่าการระบาดของโอมิครอนทำให้เศรษฐกิจหายไปประมาณ 0.6% แต่การระบาดอยู่ในวงจำกัด ธนาคารจึงคงคาดการณ์จีดีพีเอาไว้ที่ 3.7% 

จังหวะที่ระดับความกังวลจากการระบาดของโอมิครอนเริ่มคลายตัวลง เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต้องมาสะดุดกึก เมื่อรัสเซียรุกรานยูเครน (24 ก.พ. 65) ส่งผลให้ราคาน้ำมัน ก๊าซพุ่งพรวด นำโลกเข้าสู่วิกฤติเงินเฟ้อ ทุกประเทศเผชิญกับ “พายุเงินเฟ้อ” ที่พุ่งทำลายสถิติสูงสุดใหม่ในรอบกว่าทศวรรษกันทั้งสิ้น ประเทศไทยตัวเลข เงินเฟ้อเดือน สิงหาคม ทะลุไปถึง 7.86% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปี แบงก์ชาติเกือบทั่วโลก พลิกนโยบายการเงินจากผ่อนคลายในช่วงโควิดมาเป็นเข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ   

รัสเซีย-ยูเครน ดันราคาน้ำมันและอาหารพุ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย หั่นจีดีพีลงมาที่ 2.5%

Google แนะไทยเร่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ดัน จีดีพีไทยแตะ 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2030

ตอนนั้นทุกสถาบันเข้าแข่งกันออกมาประกาศปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้กันถ้วนหน้า รัฐมนตรีคลังอาคม ประกาศปรับลดช่วงคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้จาก 3.5-4.5% เหลือ 3-4% แบงก์ชาติปรับลดจาก 3.4% เหลือ 3.2% ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ประเมินเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3% คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีจาก 2.5-4.5% เหลือ 2.5-4.0% 

แบงก์กรุงศรีอยุธยา โดยสายงานวิจัยหั่นคาดการณ์ลงไปเกือบหนึ่งเปอร์เซ็นต์จาก 3.7% เหลือ 2.8%  เนื่องจากประเมินว่าภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครน เช่นเดียวกับศูนย์วิเคราะห์ธุรกิจและเศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต ปรับลดคาดการณ์จาก 3% เหลือ 2.8% เป็นต้น

โดยปัจจัยที่นำมาสู่การหั่นคาดการณ์จีดีพีช่วงนั้น คือผลจากสงครามยูเครนที่กดดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ซึ่งโยงไปถึงเงินเฟ้อ ภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับภาคท่องเที่ยว 

ภาพเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น รัฐมนตรีคลังอธิบาบว่า “เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป” แต่ผลจากสงครามยูเครนเริ่มแสดงตัวในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่สภาพัฒน์ฯ แถลง (18 ส.ค. 65) ว่าจีดีพีโต 2.5% แม้สูงกว่าไตรมาสแรก (2.2 %) แต่ผู้ว่าแบงก์ชาติ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาดการณ์ และสภาพัฒน์ฯ ได้ปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้อีกครั้งจาก 2.5– 3.2% มาเป็น 2.7-3.2% โดยค่ากลางอยู่ที่ 3%

ดนุชา พิชยนันท์ เลขาสภาพัฒน์ฯแถลงถึงเหตุผลที่ปรับคาดการณ์ครั้งนั้นว่า “เพื่อรองรับสถานการณ์โลกที่ยังไม่แน่นอนจากสงครามยูเครนและรัสเซีย และกรณีสหรัฐฯ จีน ไต้หวัน ซึ่งอาจกระทบการส่งออกเพราะขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ไฟฟ้า และยังทำให้ราคาพลังงานอาจเพิ่มขึ้นได้หากมีการคว่ำบาตรเพิ่มเติม” 

สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มพลิกกลับในช่วงครึ่งหลังของปีเมื่อ รัฐบาลตัดสินใจเปิดประเทศเต็มรูปแบบด้วยการยกเลิกไทยแลนด์พาส (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเดินทางเข้าประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด   

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงว่าเดือนกรกฎาคม มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยราว 1.2 ล้านคน เป็นสถิติทะลุล้านคนครั้งแรก นับจากเกิดวิกฤติโควิดตั้งแต่ต้นปี 2563 ก่อนที่จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยจะทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคน ขึ้นไปอยู่ที่ 11 ล้านคนเมื่อกลางเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาลบคำคาดการณ์ของสำนักต่าง ๆ ที่วิเคราะห์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5 -7 ล้านคนลงอย่างสิ้นเชิง 

การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ส่งผลโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี การแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของ ดนุชา  เลขาฯสภาพัฒน์ฯ (21 พ.ย. 65) ระบุว่า เศรษฐกิจกขยายตัว 4.5% ปรับฤดูกาลขยายตัวได้ 1.2% ถือว่าเป็นการขยายตัวได้ต่อเนื่อง 4 ไตรมาสตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา รวม 9 เดือนแรก เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 3.1% (ไตรมาสหนึ่ง 2.3% ไตรมาสสอง 2.5%) โดยได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การส่งอออก เป็นแรงส่งสำคัญ   

สาเหตุที่ความเป็นไปของการท่องเที่ยวมีผลต่อภาคเศรษฐกิจเร็วชนิดเห็นผลทันใจ หนึ่ง เป็นเพราะภาคท่องเที่ยวมีสัดส่วนราว 12 % ของขนาดเศรษฐกิจ สองเพราะเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลากหลายประเภท ทำให้มีการจ้างงานจำนวนมาก และสามเพราะเงินสดจากที่นักท่องที่ยวนำมาจับจ่ายเข้าถึงระบบเศรษฐกิจได้ไว

ส่วนไตรมาส 4 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ต่ำไปกว่าไตรมาส 3 หรือประมาณ 4% เศษ ๆ โดยมีการท่องเที่ยวเป็นกำลังหลักเช่นเดิม และจะไปจบทั้งปีที่จีดีพีขยายตัว 3.4% ตามที่รัฐมนตรีคลังอาคมประกาศเอาไว้ แม้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวระดับกลางแต่ถือว่าไม่เลว หากมองความแปรปรวน ทางเศรษฐกิจจาก พิษโอมิครอน ควันไฟสงครามยูเครน ที่เกิดขึ้นตลอดปีที่ผ่านมาประกอบด้วย

เศรษฐกิจกำลังนับถอยหลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ปี 2566 โดยมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นกับหลายประเทศครึ่งค่อนโลก รวมถึงปัญหาสำคัญ ที่รับส่งมอบมาจากปีนี้ คือปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวไม่ทั่วถึง คอยต้อนรับอยู่ โดยสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ครั้งที่หนึ่งว่าปีหน้าจีดีพีจะขยายตัว 3.8% ส่วนการปรับคาดการณ์ที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้าจะขึ้นหรือลงมาคอยลุ้นกัน เพราะเศรษฐกิจยุคหลังโควิด ความไม่แน่นอน นั่นละคือ สิ่งที่แน่นอน …. สวัสดีปีใหม่ครับ

ผู้เขียน: “ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

อย่าชะล่าใจ แม้ดอกเบี้ยขึ้นแค่ “เสี้ยวเปอร์เซ็นต์”

การฟื้นตัวของ “ท่องเที่ยว” และ “บทเรียนที่ถูกลืม”​

เอเปค 2022 …. ฝันเห็นโลกสีเขียว

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ